ปรับ SEO มาหนัก แต่เว็บไม่ขึ้นอันดับเสียที? บางทีอาจเป็นเพราะคุณกำลังทำผิดโดยไม่รู้ตัว ลองเช็กดูว่าสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือเปล่า!*
10 ข้อผิดพลาดด้าน SEO ที่เจ้าของเว็บไซต์หลายคนมองข้าม แต่ส่งผลร้ายแรงต่ออันดับบน Google
รู้ทันและหลีกเลี่ยงให้ไว ก่อนที่อันดับเว็บไซต์จะหายไปจากสารบบการค้นหา
ทุกวันนี้การทำ SEO ไม่ได้ยาก ลแะมีบริษัทที่รับSEO เก่งๆเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ง่าย หากขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง หลายคนพยายามลงแรง ลงงบ ปรับเว็บ ปรับคอนเทนต์ แต่กลับไม่เห็นผลตามที่หวังไว้ เพราะอาจกำลังเผลอทำ "ข้อผิดพลาดพื้นฐาน" ที่กระทบต่อการจัดอันดับของ Google โดยตรง แบบที่บางครั้งไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ การคิดว่าแค่ใส่คีย์เวิร์ดให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอแล้ว ซึ่งไม่ใช่ความจริงอีกต่อไปแล้วในยุคที่ Google ให้ความสำคัญกับ "คุณภาพเนื้อหา" และ "ประสบการณ์ผู้ใช้" มากขึ้นกว่าเดิม ลองมาดูกันว่ามีข้อผิดพลาดอะไรบ้างที่ควรรีบหลีกเลี่ยง ก่อนที่เว็บไซต์คุณจะกลายเป็นบ้านร้างในโลกออนไลน์
หลายคนยังคงใช้เทคนิคเดิมๆ อย่างการคัดลอกเนื้อหาจากเว็บอื่น หรือการเขียนบทความแบบน้ำท่วมทุ่งไร้สาระเพื่อหวังผลจากปริมาณคำ แต่ Google ฉลาดพอที่จะตรวจจับสิ่งเหล่านี้ได้หมด การมีคอนเทนต์ที่ไม่มีคุณค่า ไม่ตอบคำถามของผู้ใช้ หรือเขียนเพียงเพื่อใส่คีย์เวิร์ดเท่านั้น ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยดันอันดับ ยังอาจโดน Google ลดอันดับแบบถาวรอีกด้วย

การใช้คีย์เวิร์ดคือหัวใจของ SEO ก็จริง แต่การยัดใส่แบบไม่สนใจความลื่นไหลของเนื้อหา (ที่เรียกว่า Keyword Stuffing) นั้น Google ไม่ปลื้มแน่นอน ควรใช้คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ แทรกลงไปในจังหวะที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกย่อหน้า การเขียนเพื่อ "คน" ยังคงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
ในยุคที่มือถือคืออวัยวะที่ 33 การที่เว็บไซต์ไม่รองรับการแสดงผลบนมือถือ ถือเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง Google ใช้ Mobile-first Indexing มานานแล้ว เว็บไซต์ที่โหลดช้า แสดงผลเพี้ยน หรือใช้งานยากบนมือถือ ย่อมเสียคะแนน SEO ไปอย่างน่าเสียดาย
ลิงก์ที่คลิกแล้วไม่ไปไหน (Broken Links) ไม่เพียงทำให้ผู้ใช้เสียอารมณ์ แต่ยังส่งสัญญาณลบไปยัง Google ว่าเว็บไซต์นี้ไม่ดูแลเอาใจใส่ นอกจากนี้การไม่ตรวจสอบลิงก์ภายใน (Internal Link) ให้ดี อาจทำให้ Bot ของ Google เข้าไม่ถึงบางหน้าได้อีกด้วย
แม้ Meta Tag จะไม่ใช่ปัจจัยหลักอันดับต้นๆ แต่ก็ยังมีผลอยู่ โดยเฉพาะในแง่ของ Click-Through Rate ถ้าคุณเขียน Title ซ้ำๆ ไม่โดนใจ หรือไม่ใส่ Meta Description เลย ก็เท่ากับเสียโอกาสดึงดูดคนเข้ามาในเว็บไซต์โดยเปล่าประโยชน์
เว็บไซต์ที่โหลดช้าไม่เพียงแต่ทำให้คนกดออกทันที แต่ยังส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรง ปัจจัยอย่าง Largest Contentful Paint (LCP), First Input Delay (FID) และ Cumulative Layout Shift (CLS) ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ Google ใช้วัดคุณภาพของเว็บในแง่ประสบการณ์ผู้ใช้ อย่าลืมเช็กผลผ่าน PageSpeed Insights และปรับตามคำแนะนำ
เว็บไซต์ที่ไม่มี Sitemap ก็เหมือนบ้านที่ไม่มีแผนที่ Google จะเข้ามาเก็บข้อมูลได้ลำบาก ส่งผลให้บางหน้าของเว็บไซต์อาจไม่ถูกจัดอันดับเลย การส่ง Sitemap ผ่าน Google Search Console เป็นขั้นตอนที่ควรทำตั้งแต่เริ่มต้น และควรหมั่นอัปเดตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง บริษัทรับออกแบบเว็บไซต์ ที่ดีจึงมักใส่ใจเรื่องSitemap เป็นอย่างมากนั้นเอง
เว็บไซต์ที่ไม่มีความปลอดภัยจะถูกเตือนบนเบราว์เซอร์ทันที ซึ่งไม่เพียงแต่กระทบความน่าเชื่อถือ แต่ยังส่งผลต่ออันดับ SEO ด้วย Google ให้ความสำคัญกับ HTTPS เป็นหนึ่งในสัญญาณการจัดอันดับ การไม่ติดตั้ง SSL ถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม
URL ที่เต็มไปด้วยตัวเลขหรือคำที่ไม่มีความหมาย ไม่เพียงแต่ทำให้คนจำยาก แต่ยังไม่เป็นมิตรกับ SEO อีกด้วย ควรใช้ URL ที่สั้น กระชับ และมีคำสำคัญอยู่ในนั้น เพื่อให้ทั้งคนและ Google เข้าใจว่าแต่ละหน้าพูดถึงเรื่องอะไร
หลายคนทำ SEO แล้วปล่อยเลยตามเลย ไม่เช็กเลยว่าผลลัพธ์เป็นยังไง การไม่ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics หรือ Google Search Console เท่ากับคุณกำลังเดินในความมืด การปรับกลยุทธ์จากข้อมูลจริงคือหัวใจของการพัฒนา SEO อย่างยั่งยืน
อย่าให้ความพยายามสูญเปล่า
การทำ SEO ไม่ใช่แค่ใส่คีย์เวิร์ดแล้วรอดูอันดับ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจที่ลึกซึ้งและการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดพื้นฐานเหล่านี้ หากคุณสามารถกำจัด 10 ความผิดพลาดนี้ออกจากเว็บไซต์ได้ โอกาสที่อันดับจะพุ่งขึ้นมีแน่นอน