จับไต๋! Backlink พิษร้าย : วิธีตรวจสอบ Toxic Backlink ที่มือใหม่ต้องรู้

ก่อนจะไล่จับ เราต้องรู้ก่อนว่าเหยื่อเราหน้าตาเป็นยังไง ผมจะลิสต์ลักษณะเด่นๆ ของ Backlink พิษที่ผมเจอบ่อยๆ นะครับ

• เว็บสแปม/เว็บคุณภาพต่ำจัด : ลิงก์มาจากเว็บไซต์ที่ไม่มีเนื้อหาอะไรเลย, มีแต่โฆษณา, เว็บพนัน/โป๊ (ถ้าเว็บคุณไม่เกี่ยวข้อง), หรือเว็บภาษาต่างประเทศที่เราไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว
• Anchor Text แปลกๆ : Anchor Text คือข้อความที่ใช้ทำลิงก์ เช่น ลิงก์กลับมาหาเว็บคุณด้วยคำว่า "ซื้อยาเพิ่มขนาด", "การพนันออนไลน์", หรือคำมั่วๆ ที่เป็นตัวอักษรหรือสัญลักษณ์แปลกๆ
• มาจาก PBNs (Private Blog Networks) : นี่คือเครือข่ายเว็บไซต์ปลอมๆ ที่สร้างมาเพื่อยิง Backlink โดยเฉพาะ Google เกลียดสิ่งนี้มาก
• มาจาก Footer/Sidebar แบบยิงเยอะๆ : การซื้อลิงก์ที่แปะไว้ตรงส่วนท้าย (Footer) หรือด้านข้าง (Sidebar) ของทุกหน้าในเว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งมักจะเน้นปริมาณและไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเลย

จำนวนลิงก์เพิ่มขึ้น "ผิดปกติ" : จู่ๆ Backlink เพิ่มขึ้นมาเป็นพันๆ ลิงก์ภายในคืนเดียว โดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรเลย อันนี้แหละ "สัญญาณเตือนภัย" ตัวโตๆ เพราะมันเป็นวิธีการที่คู่แข่งใช้ Negative SEO กลั่นแกล้งคุณ

สมัยก่อนเราต้องนั่งคลิกดูทีละลิงก์ครับ แต่วันนี้เรามีเครื่องมือชั้นเยี่ยมที่ช่วยให้งานง่ายขึ้นเยอะ ในฐานะโปรแกรมเมอร์ ผมชอบเครื่องมือที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและแม่นยำ ซึ่งหลักๆ ที่ผมแนะนำมีดังนี้

เครื่องมือวิเคราะห์ Backlink ชั้นนำ ต้องเสียเงิน แต่คุ้มค่า

• Semrush : มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า "Backlink Audit" ที่จะให้ Toxicity Score (คะแนนความเป็นพิษ) ชัดเจนมากๆ เป็นตัวเลขเลยครับ เช่น ถ้าลิงก์ไหนคะแนนสูง (เช่น 60-100) คือเป้าหมายของเรา และยังสามารถสร้าง Disavow File ได้ง่ายและทันที
• Ahrefs : มีดัชนีลิงก์ที่ใหญ่และครอบคลุมมาก ช่วยให้เราวิเคราะห์ Anchor Text และ Referring Domains ได้อย่างละเอียด แม้ว่าจะไม่ได้ให้คะแนนพิษโดยตรงเหมือน Semrush แต่ก็เป็นเครื่องมือที่ไว้ใจได้ในการตรวจเช็กคู่แข่งและหาแหล่งที่มาของลิงก์

เครื่องมือฟรีและจำเป็นจาก Google โดยตรง

• Google Search Console (GSC) : ฟรี! และเป็นข้อมูลจาก Google โดยตรง ดูภาพรวมของ External Links ได้ดีที่สุด แต่คุณจะต้องดาวน์โหลดข้อมูลออกมาวิเคราะห์ด้วยตัวเอง เพราะไม่มีฟังก์ชันให้คะแนน Toxic โดยตรง

ขั้นตอนการตรวจสอบลิงก์พิษ

1. เชื่อมต่อเว็บไซต์คุณเข้าเครื่องมือ : ให้เครื่องมือดึงข้อมูล Backlink ทั้งหมดมา
2. ประเมิน "ความเป็นพิษ" : ใช้ฟีเจอร์ Toxicity Score ของ Semrush หรือวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของโดเมนจาก Ahrefs/GSC
3. กรองหาลิงก์น่าสงสัย
• ดู Anchor Text : มีคำหยาบ/สแปม/ไม่เกี่ยวข้องไหม?
• ดู Domain Authority : เว็บที่ลิงก์มามีคะแนนความน่าเชื่อถือต่ำหรือไม่?
• ดูความถี่ : มีโดเมนแปลกๆ ยิงมาหลายร้อยหลายพันลิงก์ในเวลาอันสั้นหรือไม่?
• ดูความเกี่ยวข้อง : เว็บไซต์ที่ลิงก์มาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บเราไหม?

ถ้าเจอเข้าข่าย ให้นำลิงก์เหล่านั้นใส่ใน "บัญชีดำ" ทันที!

เมื่อคุณมั่นใจว่าเจอ Backlink พิษแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือการแจ้งให้ Google "ไม่นับรวม" ลิงก์เหล่านั้นในการพิจารณาอันดับเว็บไซต์ของคุณ กระบวนการนี้เรียกว่า "Disavow Link" ครับ

ขั้นตอนการทำ Disavow Link

1. รวบรวมรายชื่อลิงก์ หรือโดเมนพิษ
• คุณต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะปฏิเสธ "เฉพาะ URL นั้นๆ" หรือจะปฏิเสธ "ทั้งโดเมน" เลย
• คำแนะนำจากผม : ถ้าโดเมนนั้นมีแต่ลิงก์สแปม ให้ปฏิเสธ "ทั้งโดเมน" ไปเลยครับ โดยใช้คำสั่ง domain:spamsite.com
2. สร้าง Disavow File : ไฟล์นี้ต้องเป็นไฟล์ .txt เท่านั้น โดยให้ลิงก์หรือโดเมนแต่ละรายการอยู่ในบรรทัดใหม่
3. อัปโหลดไฟล์ไปที่ Google Disavow Tool : เข้าไปที่ Google Search Console Disavow Tool แล้วอัปโหลดไฟล์ .txt ที่คุณสร้างไว้ *คำเตือน การทำ Disavow เป็นการบอก Google ว่า "อย่ามานับไอ้พวกนี้เป็นคะแนนนะ" แต่การทำผิดพลาดอาจทำให้คุณปฏิเสธลิงก์ดีๆ ไปได้ ดังนั้น ทำด้วยความระมัดระวัง และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันเป็น Toxic Backlink จริงๆ

การดูแล Backlink Profile ก็เหมือนกับการดูแลสุขภาพเว็บไซต์ของเราครับ ต้องหมั่นตรวจเช็กเป็นประจำ อย่าละเลยสัญญาณเตือนภัย เพราะการแก้ไขทีหลังมักจะใช้เวลาและพลังงานมากกว่าการป้องกันเสมอครับ!

หวังว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยให้ทุกคนสามารถจับไต๋และกำจัด Backlink พิษได้อย่างอยู่หมัดนะครับ ขอให้เว็บไซต์ทุกคนแข็งแกร่งและติดอันดับดีๆ ตลอดไปครับ!