เช็คด่วน! ภาพขึ้นเว็บต้องขนาดเท่าไหร่ ที่จะไม่ทำให้เว็บช้า และไม่เสียคุณภาพ

คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าแค่ปรับขนาดภาพให้เล็ก เช่น เหลือ 1920 x 1080 px ก็พอแล้ว แต่จริง ๆ แล้วขนาดที่ส่งผลกระทบต่อความเร็วหลัก ๆ มีอยู่ 3 อย่างที่เราต้องเช็คค่ะ:

1. ขนาดมิติ (Dimension : Width x Height)

นี่คือขนาดที่เราเห็นเป็นพิกเซล (px) ค่ะ กฎง่าย ๆ เลยคือ อย่าอัปโหลดภาพที่ใหญ่กว่าขนาดที่จะแสดงผลจริงบนหน้าจอ!

• ภาพเต็มหน้าจอ (Hero Image/Banner) : มักจะอยู่ที่ประมาณ 1920x1080 px หรือ 1920x700 px แล้วแต่ดีไซน์
• ภาพคอนเทนต์ทั่วไป : ประมาณ 800x600 px หรือ 1200 px สำหรับภาพกว้างเต็มคอลัมน์
• ภาพ Thumbnail/Icon : เล็ก ๆ อาจจะ 300x300 px

ถ้าเราอัปโหลดภาพ 4000x3000 px เข้าไป ถึงแม้ CSS จะย่อให้เหลือ 800 px แต่ตัวไฟล์จริง ๆ ก็ยังต้องถูกโหลดมาทั้งก้อนอยู่ดี นี่แหละคือตัวการทำให้เว็บช้า!

2. ขนาดไฟล์ (File Size : น้ำหนักของภาพ)

ตัวนี้สำคัญที่สุดค่ะ! คือปริมาณข้อมูลจริง ๆ ที่เป็นหน่วย KB (กิโลไบต์) หรือ MB (เมกะไบต์)

สูตรทองคำ : พยายามทำให้ภาพเดียวมีขนาดไม่เกิน 100 – 200 KB ถ้าเป็นไปได้! โดยเฉพาะภาพที่อยู่ส่วนบนสุดของหน้าเว็บ (Above the Fold) ควรต้องเบากว่านี้อีก!

3. ฟอร์แมตไฟล์ (File Format)

การเลือกประเภทไฟล์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแต่ละฟอร์แมตมีการบีบอัดที่ไม่เหมือนกัน:

• JPEG/JPG : เหมาะกับภาพถ่ายที่มีสีสันและรายละเอียดเยอะ บีบอัดดีที่สุดสำหรับภาพถ่าย
• PNG : เหมาะกับภาพกราฟิกที่มีพื้นหลังโปร่งใส ดีที่สุดสำหรับโลโก้, ไอคอน
• WebP : เป็นฟอร์แมตยุคใหม่ที่ บีบอัดได้ดีกว่า JPEG/PNG ถึง 25-34% โดยไม่เสียคุณภาพมาก ถ้าเว็บไซต์และบราวเซอร์รองรับ

ไหน ๆ ก็ทำงานกราฟิกแล้ว เราต้องมีวิธีจัดการรูปภาพแบบมืออาชีพค่ะ การปรับแค่ 'มิติ' ไม่พอ แต่เราต้อง 'บีบอัด' (Compress) ข้อมูลภายในไฟล์ด้วย!

ขั้นตอนการบีบอัดและปรับขนาดเพื่อเว็บที่เร็วปรื๋อ!

ขั้นตอนที่ 1 : ปรับมิติ (Dimension) ให้ตรงกับหน้าจอ

ก่อนอื่นต้องเปิดโปรแกรมที่เราถนัด ตัวอย่างเช่น Photoshop และ Resize ภาพให้มีขนาดพิกเซลเท่าที่เว็บจะแสดงผลจริงสำคัญมาก!

ขั้นตอนที่ 2 : บีบอัดและ Export อย่างชาญฉลาด

นี่คือหัวใจสำคัญของการรักษาคุณภาพและลดน้ำหนักค่ะ

• ถ้าใช้ Photoshop : เวลา Export > Save for Web (Legacy) หรือ Export As... ให้ลดค่า Quality ลงมา แต่ต้องดูที่ภาพ Preview ไปด้วย อย่าให้ภาพดูแตกหรือสีเพี้ยน สำหรับ JPEG คุณภาพ 60-80% มักจะเพียงพอสำหรับเว็บ
• ถ้าใช้ WebP : ให้หาเครื่องมือแปลงไฟล์จาก JPEG/PNG เป็น WebP จะช่วยลดขนาดได้มาก และมักจะมีตัวเลือกให้กำหนดคุณภาพการบีบอัด (Lossy Compression) ได้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 : ใช้เครื่องมือออนไลน์ช่วยซ้ำ (The Final Push)

ถึงแม้จะ Export มาดีแล้ว แต่ก็ควรเอาไฟล์ไปเข้าเครื่องมือบีบอัดออนไลน์อีกครั้งเพื่อกำจัด Metadata (ข้อมูลกล้อง, วันที่ถ่าย) ที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น TinyPNG หรือ ImageOptim

Tip สำหรับสายกราฟิก : ลองใช้เครื่องมือเหล่านี้เทียบกันดูค่ะ บางเครื่องมือจะเก่งในการบีบอัดภาพสีสด บางอันเก่งกับ PNG ที่มีพื้นหลังโปร่งใส

จริง ๆ แล้วการที่เราใส่ใจเรื่องขนาดภาพ ไม่ได้มีแค่เรื่องความเร็วอย่างเดียวค่ะ แต่ยังส่งผลถึง:

• SEO (Search Engine Optimization) : Google ชอบเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว เพราะมันแปลว่าผู้ใช้งานจะมีประสบการณ์ที่ดี (UX ดี) ดังนั้นภาพเบาเท่ากับคะแนน seo ก็จะดีตามไปด้วยค่ะ!
• User Experience (UX) : ลูกค้าของคุณจะเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น ไม่หงุดหงิดกับการรอโหลดภาพ ทำให้โอกาสที่พวกเขาจะอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น หรือสั่งซื้อ/ติดต่อคุณก็สูงขึ้นค่ะ

จำไว้เสมอว่า... ในโลกของเว็บดีไซน์ "เร็ว" คือ "ดี" และเราที่เป็นกราฟิกก็สามารถสร้างความสมดุลระหว่างความสวยงามและความเร็วได้ด้วยการจัดการไฟล์ให้ถูกวิธีค่ะ!