ไม่อยากเขียนโค้ดเอง? มาดูกันว่า Web Builder ตัวไหนเด็ดสุดในปี 2025!

5 Web Builder ตัวท็อปที่ต้องลองในปี 2025!

มาดูกันดีกว่าว่าปี 2025 นี้ Web Builder ตัวไหนที่ฮอตฮิตติดลมบน เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่อยากสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองสุด ๆ!

1. Wix: เพื่อนซี้คนใหม่ของนักสร้างสรรค์!

Wix ยังคงเป็น Web Builder ตัวท็อปที่หลายคนนึกถึง ด้วยความที่ใช้งานง่าย มีเทมเพลตให้เลือกเยอะมากกกก ทั้งสวย ทันสมัย และครอบคลุมแทบทุกประเภทธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ พอร์ตโฟลิโอ บล็อก หรือเว็บธุรกิจเล็ก ๆ ก็ทำได้หมด! ที่สำคัญคือมีฟีเจอร์ AI ในการช่วยออกแบบเว็บไซต์ให้ด้วยนะ แค่ตอบคำถามไม่กี่ข้อ AI ก็จะสร้างโครงสร้างเว็บมาให้เราปรับแต่งต่อได้เลย สะดวกสุด ๆ! แถมยังมี App Market ที่ให้เราเพิ่มฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ ได้ตามต้องการอีกเพียบ

2. Squarespace: เรียบหรู ดูแพง สไตล์มินิมอล!

ถ้าเพื่อน ๆ ชอบความเรียบง่าย สวยงาม เน้นรูปภาพเป็นหลัก Squarespace คือคำตอบ! เทมเพลตของ Squarespace จะเน้นดีไซน์ที่ดูมืออาชีพ หรูหรา เหมาะสำหรับงานที่ต้องการโชว์ภาพสวย ๆ อย่างช่างภาพ ศิลปิน หรือนักออกแบบ นอกจากนี้ Squarespace ยังโดดเด่นเรื่องเครื่องมือสำหรับ E-commerce ที่ใช้งานง่าย และมีระบบจัดการบล็อกที่ยอดเยี่ยม ใครที่อยากได้เว็บไซต์ที่ดูพรีเมียม แต่ก็สร้างเองได้ง่าย ๆ ต้องลองเลย!

3. Shopify: ตัวจริงเรื่องร้านค้าออนไลน์!

สำหรับสายช้อปปิ้งออนไลน์ หรือใครที่อยากเปิดร้านค้าบนโลกอินเทอร์เน็ต Shopify คือตัวเลือกอันดับหนึ่งที่ไม่มีใครโค่นลงได้! Shopify ถูกออกแบบมาเพื่อการขายสินค้าโดยเฉพาะ มีทุกอย่างที่ร้านค้าออนไลน์ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการสินค้า ตะกร้าสินค้า ระบบชำระเงิน การจัดการออเดอร์ และเครื่องมือการตลาดต่าง ๆ ที่ครบครัน แถมยังมี App Store ที่มีแอปพลิเคชันเสริมให้เลือกมากมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร้านค้าของเรา ถ้าเพื่อน ๆ อยากมีร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองแบบจริงจัง ไม่ต้องพึ่ง บริษัทรับทำเว็บไซต์ ให้ยุ่งยาก Shopify ตอบโจทย์แน่นอน!

4. Elementor (สำหรับ WordPress): ปลั๊กอินคู่ใจสาย WordPress!

ถ้าใครที่ใช้ WordPress อยู่แล้ว และอยากได้เครื่องมือที่ช่วยให้สร้างหน้าเว็บได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเขียนโค้ด Elementor คือปลั๊กอินที่คุณต้องมี! Elementor เป็น Page Builder ที่ใช้งานแบบ Drag-and-Drop ที่ทรงพลังมาก ๆ มีวิดเจ็ตให้เลือกเยอะแยะมากมาย สามารถสร้างเลย์เอาต์ที่ซับซ้อน ปรับแต่งได้ทุกส่วนของหน้าเว็บ แถมยังมีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกใช้เยอะมาก ทั้งเวอร์ชันฟรีและ Pro ใครที่ชอบความยืดหยุ่นในการปรับแต่งเว็บไซต์แบบละเอียด แต่ไม่อยากเขียนโค้ดเอง บอกเลยว่า Elementor คือกู้ชีพ!

5. Webflow: สำหรับคนอยากได้ความละเอียด แต่ไม่ทิ้งความง่าย!

Webflow เป็น Web Builder ที่อาจจะมีความซับซ้อนกว่า Wix หรือ Squarespace เล็กน้อย แต่ก็ให้ความยืดหยุ่นในการออกแบบสูงมาก ๆ จนบางคนบอกว่าเหมือนการเขียนโค้ดแบบไม่ต้องพิมพ์โค้ดเลย! Webflow เหมาะสำหรับนักออกแบบ หรือคนที่อยากได้เว็บไซต์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว และควบคุมทุกรายละเอียดได้แบบละเอียดจริง ๆ โดยไม่ต้องจ้าง บริษัทรับทำเว็บไซต์ แต่ก็ยังคงความง่ายในการสร้างด้วยระบบ Visual Development ที่เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ถ้าเพื่อน ๆ อยากพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นในการสร้างเว็บไซต์ Webflow คือสนามเด็กเล่นชั้นดีเลยล่ะ!

3 เรื่องที่ไม่เกี่ยว แต่เชื่อมโยงกับการสร้างเว็บไซต์ให้ปัง!

ไหน ๆ ก็คุยเรื่องการสร้างเว็บไซต์แล้ว ขอแถมอีก 3 เรื่องที่ดูเหมือนไม่เกี่ยว แต่จริง ๆ แล้วสำคัญมาก ๆ ในการทำให้เว็บไซต์ของเราปังและมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเยอะ ๆ นะ!

การมีเว็บไซต์สวย ๆ อย่างเดียวอาจไม่พอ! ถ้าอยากให้คนเจอเว็บไซต์ของเราเวลาที่พวกเขาค้นหาข้อมูลใน Google เราต้องทำความเข้าใจเรื่อง การทำ SEO (Search Engine Optimization) ด้วยนะ! SEO คือกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาของ Google ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่คนค้นหา การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสม และการสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ (เหมือนเพื่อน ๆ มาบอกต่อว่าเว็บเราดีนะ!) Web Builder ส่วนใหญ่ก็จะมีเครื่องมือ SEO พื้นฐานให้ใช้อยู่แล้ว ลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะ รับรองว่าช่วยให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นแน่นอน! บางที บริษัทรับทำเว็บไซต์ ที่ดี ๆ เขาก็มีบริการ SEO ให้เราด้วยนะ!

เว็บไซต์จะดึงดูดคนได้ก็ต่อเมื่อมี คอนเทนต์ (Content) ที่น่าสนใจและมีประโยชน์! ไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ หรืออินโฟกราฟิก การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้ผู้เยี่ยมชมอยู่บนเว็บไซต์ของเรานานขึ้น และกลับมาเยี่ยมชมอีกครั้ง การวางแผนการผลิตคอนเทนต์ที่ดี รวมถึงการอัปเดตข้อมูลให้สดใหม่อยู่เสมอ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะ!

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือเรื่องของ ความปลอดภัยของเว็บไซต์! อย่ามองข้ามเรื่องนี้เด็ดขาดนะจ๊ะ การติดตั้ง SSL Certificate (สังเกตง่าย ๆ คือ URL จะขึ้นต้นด้วย https://) จะช่วยเข้ารหัสข้อมูล ทำให้เว็บไซต์ของเราปลอดภัยจากการถูกโจมตี และยังส่งผลดีต่อ SEO ด้วย นอกจากนี้ การสำรองข้อมูลเว็บไซต์เป็นประจำ และการใช้รหัสผ่านที่รัดกุม ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อปกป้องเว็บไซต์ของเราให้ปลอดภัยอยู่เสมอ!

เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อน ๆ กับ Web Builder ที่เราเอามาแนะนำวันนี้? หวังว่าคงจะได้ไอเดียดี ๆ ในการสร้างเว็บไซต์ของตัวเองกันแล้วนะ! ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ได้ เพราะยุคนี้มีเครื่องมือดี ๆ ที่ช่วยให้การสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยล่ะ! หรือถ้าใครอยากได้ความชัวร์ จะลองปรึกษา บริษัทรับทำเว็บไซต์ เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมก็ได้นะ! ขอให้สนุกกับการสร้างเว็บไซต์ในฝันนะคะ!