ไอที บีลีฟ ไทยแลนด์ – ผู้พัฒนาเว็บไซต์และระบบ iBZII สำหรับธุรกิจ SME ที่อยากเติบโตออนไลน์แบบมืออาชีพ
แชทผ่านไลน์ 061 994 9464 สมัครงาน

อยากมีเว็บไซต์ปัง ๆ ไม่ต้องรอนาน! มาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจ้างมือโปรรับทำเว็บไซต์กันเถอะ!

https://www.ib.co.th/article/699
อยากมีเว็บไซต์ปัง ๆ ไม่ต้องรอนาน! มาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจ้างมือโปรรับทำเว็บไซต์กันเถอะ!

เว็บไซต์ของคุณพร้อมโลดแล่นแล้วหรือยัง? เราจะมาแนะนำให้คุณแม่ค้าออนไลน์, เจ้าของธุรกิจมือใหม่ และผู้ประกอบการทุกคนที่อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะ รับทำเว็บไซต์ ในฝันของคุณ!

ทำไมต้องมีเว็บไซต์ในยุคดิจิทัลนี้?

เพื่อน ๆ เคยคิดไหมคะว่าทำไมธุรกิจเล็กใหญ่ในวันนี้ถึงต้องมีเว็บไซต์กันหมดเลย? สมัยก่อนอาจจะแค่มีหน้าร้านจริง ๆ ก็อยู่ได้แล้ว แต่ยุคนี้มันไม่ใช่แล้วนะ! การมีเว็บไซต์มันคือการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ค่ะ ลูกค้าสามารถค้นหาเราเจอได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็เข้ามาดูสินค้าและบริการของเราได้ตลอดเวลา ที่สำคัญคือมันช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของเราด้วยนะ เหมือนเรามีออฟฟิศเป็นหลักแหล่งให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลาเลยล่ะ ยิ่งถ้าเราจ้างมืออาชีพ ในการรับทำเว็บไซต์ ดี ๆ เว็บเราก็จะดูเป็นมืออาชีพขึ้นไปอีก!

เริ่มต้นวางแผน เลือกประเภทเว็บไซต์ที่ใช่สำหรับคุณ

ก่อนจะไปหาคนรับทำเว็บไซต์ เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าธุรกิจของเราเหมาะกับเว็บไซต์แบบไหน เพราะแต่ละแบบก็มีวัตถุประสงค์และการเตรียมตัวที่ไม่เหมือนกันนะคะ

  • เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ (Corporate Website): เหมาะสำหรับบริษัทหรือธุรกิจที่ต้องการนำเสนอข้อมูลองค์กร, บริการ, ผลิตภัณฑ์ และช่องทางการติดต่อ เน้นสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพ
  • เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-commerce Website): สำหรับธุรกิจที่ต้องการขายสินค้าออนไลน์โดยตรง มีระบบตะกร้าสินค้า, การชำระเงิน และการจัดการออเดอร์ เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์ทุกขนาด
  • เว็บไซต์ส่วนตัว/บล็อก (Personal Website/Blog): เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการสร้างแบรนด์ส่วนตัว, แชร์ความรู้, ประสบการณ์ หรือผลงาน
  • เว็บไซต์ Portfolio: สำหรับศิลปิน, ช่างภาพ, นักออกแบบ หรือฟรีแลนซ์ที่ต้องการจัดแสดงผลงานของตนเอง
  • เว็บไซต์ Landing Page: เป็นหน้าเว็บเดี่ยว ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น การโปรโมทสินค้าหรือบริการใหม่, การรวบรวม Leads, หรือการลงทะเบียนกิจกรรม

การเลือกประเภทเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของเรา จะช่วยให้เราสื่อสารกับคนทำเว็บได้ตรงจุด และทำให้งานเดินหน้าไปได้เร็วขึ้นเยอะเลยค่ะ!

เงินพร้อม ใจพร้อม! งบประมาณและสิ่งที่ต้องเตรียมด้านการเงิน

เรื่องงบประมาณนี่แหละค่ะที่หลายคนแอบกังวล! จริง ๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์ มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนเลยนะคะ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเว็บไซต์, ฟังก์ชันการใช้งาน, ดีไซน์ และประสบการณ์ของคนทำเว็บ สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวด้านงบประมาณก็คือ:

  1. กำหนดงบประมาณที่ชัดเจน: ลองตั้งงบประมาณคร่าว ๆ ในใจก่อนค่ะว่าเรามีกำลังจ่ายเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้คุยกับผู้ที่รับทำเว็บไซต์ ได้อย่างเหมาะสม
  2. สำรองงบสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: นอกจากค่าจ้างทำเว็บแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมด้วยนะคะ เช่น
    • ค่า Domain Name: ชื่อเว็บไซต์ของเรา (เช่น yourbrand.com) ต้องจดทะเบียนและมีค่าใช้จ่ายรายปี
    • ค่า Hosting: พื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเราบนเซิร์ฟเวอร์ เปรียบเสมือนค่าเช่าที่ดินเพื่อสร้างบ้าน เว็บไซต์ทุกเว็บต้องมี Hosting ค่ะ และมีค่าใช้จ่ายรายปีเช่นกัน
    • ค่า SSL Certificate: ใบรับรองความปลอดภัยของเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ของเราเป็น HTTPS ที่ปลอดภัยต่อการเข้าชมและทำธุรกรรม (สำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ!)
    • ค่าบำรุงรักษาและอัปเดต: หลังทำเว็บไซต์เสร็จแล้ว บางทีอาจจะต้องมีค่าบำรุงรักษา หรือค่าอัปเดตระบบ เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยอยู่เสมอ
    • ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ถ้ามี): เช่น ค่าเขียน Content, ค่าถ่ายภาพสินค้า, ค่าซื้อ Stock Photo/Video, ค่าปลั๊กอินหรือ Theme พิเศษ เป็นต้น

การเตรียมงบประมาณที่ชัดเจน จะช่วยให้เราไม่สะดุดกลางทาง และทำให้การสร้างเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่นค่ะ

ข้อมูลพร้อม! Checklist ที่คนทำเว็บอยากได้มากที่สุด

ส่วนนี้คือหัวใจสำคัญเลยค่ะ! ยิ่งเราเตรียมข้อมูลไปให้คนที่รับทำเว็บไซต์ ได้ครบถ้วนมากเท่าไหร่ งานก็จะยิ่งเสร็จเร็วและตรงใจเรามากเท่านั้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราต้องเตรียมให้พร้อม

1. ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย
  • ประวัติและภาพรวมธุรกิจ: ธุรกิจของเราคืออะไร? ทำไมถึงทำธุรกิจนี้? วิสัยทัศน์ พันธกิจ?
  • สินค้า/บริการ: เรามีสินค้าหรือบริการอะไรบ้าง? จุดเด่นคืออะไร?
  • กลุ่มเป้าหมาย: ลูกค้าของเราคือใคร? อายุเท่าไหร่? เพศอะไร? มีพฤติกรรมอย่างไร? สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะคนทำเว็บจะได้ออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายของเรา
  • คู่แข่ง: เรามีคู่แข่งคนไหนบ้าง? เว็บไซต์ของคู่แข่งเป็นอย่างไร? อะไรคือสิ่งที่เราอยากจะทำให้ดีกว่า?
2. โครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์
  • แผนผังเว็บไซต์ (Sitemap): เราอยากให้เว็บไซต์ของเรามีกี่หน้า? แต่ละหน้ามีหัวข้ออะไรบ้าง? (เช่น หน้าแรก, เกี่ยวกับเรา, สินค้า/บริการ, บทความ, ติดต่อเรา) ลองเขียนเป็นผังง่าย ๆ ก็ได้ค่ะ
  • ฟังก์ชันการทำงานที่ต้องการ: เราอยากให้เว็บไซต์ของเราทำอะไรได้บ้าง? (เช่น ระบบตะกร้าสินค้า, ระบบจอง, ระบบสมาชิก, ฟอร์มติดต่อ, แผนที่ Google Maps, ปุ่ม Social Media) ยิ่งบอกได้ละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ
3. สไตล์และดีไซน์ที่ต้องการ
  • Mood & Tone: เราอยากให้เว็บไซต์ของเราดูเป็นแบบไหน? (เช่น หรูหรา, มินิมอล, สดใส, จริงจัง)
  • เว็บไซต์ตัวอย่างที่ชอบ: ลองหาเว็บไซต์ที่เราชอบดีไซน์, โทนสี หรือลูกเล่นต่าง ๆ เอาไว้เป็นตัวอย่างให้คนทำเว็บดู จะช่วยให้เขาเข้าใจสไตล์ที่เราต้องการได้เร็วขึ้น
  • Corporate Identity (CI): ถ้ามีโลโก้, สีประจำแบรนด์, ฟอนต์ประจำแบรนด์ ให้ส่งให้คนทำเว็บได้เลยค่ะ
  • รูปภาพและวิดีโอ: รูปภาพสินค้า, รูปภาพประกอบ, รูปภาพทีมงาน, วิดีโอแนะนำ ถ้ามีให้เตรียมไว้เลย หรือถ้ายังไม่มี อาจจะต้องคุยกับคนทำเว็บว่าเขามีบริการถ่ายภาพหรือหา Stock Photo ให้ด้วยหรือไม่
4. เนื้อหา (Content) สำหรับเว็บไซต์

อันนี้เป็นส่วนที่หลายคนมองข้าม แต่สำคัญมาก ๆ ค่ะ! เพราะเว็บไซต์ที่สวยแต่ไม่มีเนื้อหาดี ๆ ก็เหมือนบ้านสวยแต่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะคะ

  • ข้อความแนะนำตัว: ประวัติความเป็นมาของแบรนด์
  • รายละเอียดสินค้า/บริการ: คำอธิบายสินค้า, คุณสมบัติ, ราคา
  • บทความ/ข่าวสาร: ถ้ามี Blog หรือบทความที่ต้องการจะลง
  • ช่องทางการติดต่อ: ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, Line ID, Facebook Page, Instagram, TikTok
  • คำถามที่พบบ่อย (FAQ): รวบรวมคำถามที่ลูกค้ามักจะถามบ่อย ๆ เพื่ออำนวยความสะดวก

ความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง! อย่ามองข้ามเรื่องนี้เด็ดขาด

นอกจากความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานแล้ว ความปลอดภัยของเว็บไซต์ก็เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ โดยเฉพาะเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีการเก็บข้อมูลลูกค้าและข้อมูลการชำระเงิน เราต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์ของเราปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ เช่น:

  • SSL Certificate (HTTPS): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเรามี SSL Certificate เพื่อเข้ารหัสข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานและเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ข้อมูลที่รับส่งกันมีความปลอดภัย
  • ระบบสำรองข้อมูล (Backup System): ควรมีการสำรองข้อมูลเว็บไซต์เป็นประจำ เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายในกรณีที่เกิดปัญหา
  • ระบบรักษาความปลอดภัย (Security Plugin/Software): อาจจะต้องมีการติดตั้งปลั๊กอินหรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยป้องกันเว็บไซต์จากการโจมตีของแฮกเกอร์

เช็คลิสต์สุดท้ายก่อน Go Live!

ก่อนที่เว็บไซต์ของเราจะออนไลน์จริง ๆ มาเช็คลิสต์กันอีกครั้งว่าทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง:

  • ข้อมูลถูกต้องครบถ้วน: ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดบนเว็บไซต์ว่าถูกต้องและครบถ้วนตามที่เราต้องการ
  • ลิงก์ใช้งานได้ปกติ: คลิกทดสอบลิงก์ทั้งหมดบนเว็บไซต์ว่าเชื่อมโยงไปยังหน้าหรือข้อมูลที่ถูกต้อง
  • รูปภาพและวิดีโอแสดงผลครบถ้วน: ตรวจสอบว่ารูปภาพและวิดีโอทั้งหมดแสดงผลได้อย่างถูกต้องและคมชัด
  • ฟังก์ชันการทำงานปกติ: ทดสอบฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น ระบบตะกร้าสินค้า, ฟอร์มติดต่อ, การชำระเงิน ว่าทำงานได้อย่างราบรื่น
  • แสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ: ลองเปิดเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, และมือถือ เพื่อดูว่าเว็บไซต์แสดงผลได้สวยงามและใช้งานง่ายบนทุกอุปกรณ์หรือไม่ (Responsive Design)
  • ความเร็วในการโหลด: เว็บไซต์โหลดเร็วหรือไม่? หากโหลดช้า อาจจะต้องให้คนทำเว็บช่วยปรับปรุง

ถ้าทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ได้เวลา Go Live เว็บไซต์ของเราให้เป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์แล้วค่ะ!

 

เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อน ๆ หวังว่าข้อมูลที่เมย์นำมาแชร์ในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังอยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองนะคะ การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การสร้างเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจเรามากที่สุดค่ะ! อย่าลืมว่าการ รับทำเว็บไซต์ นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การดูแลและพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องต่างหากที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราประสบความสำเร็จในระยะยาวค่ะ!

BLOG UPDATE
เทคนิคสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมากกว่าความสวยงาม

เราเชื่อว่าเว็บไซต์ไม่ใช่แค่ความสวย แต่ต้องช่วยสื่อสารแบรนด์ และขับเคลื่อนธุรกิจ
บทความในที่นี่รวมแนวคิด UX/UI เทคนิค SEO วิธีเลือก CMS และกลยุทธ์ดูแลเว็บไซต์แบบมืออาชีพ ทั้งเจ้าของเว็บและนักออกแบบจะได้แนวคิดไปต่อยอดได้ทันที