ไอที บีลีฟ ไทยแลนด์ – ผู้พัฒนาเว็บไซต์และระบบ iBZII สำหรับธุรกิจ SME ที่อยากเติบโตออนไลน์แบบมืออาชีพ
แชทผ่านไลน์ 061 994 9464 สมัครงาน

เริ่มต้นแบรนด์ออนไลน์ เว็บไซต์แบบไหนที่ใช่สำหรับเธอ?

เริ่มต้นแบรนด์ออนไลน์ เว็บไซต์แบบไหนที่ใช่สำหรับเธอ?

ก้าวแรกสู่โลกออนไลน์ของแบรนด์เรา เลือกเว็บไซต์ที่ใช่ แล้วไปให้สุด! อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองใช่มั้ยล่ะ? มาดูกันว่าเว็บไซต์แบบไหนที่จะพาธุรกิจเธอไปได้สวย!

วันนี้เราจะมาคุยเรื่องที่หลายคนอาจจะกำลังคิดหนักอยู่ นั่นก็คือ "จะเริ่มทำแบรนด์ออนไลน์ทั้งที ต้องใช้เว็บไซต์แบบไหนดีนะ?" เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะธุรกิจเล็กหรือใหญ่ การมีตัวตนบนโลกออนไลน์มันสำคัญมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ? การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองก็เหมือนมีหน้าร้านประจำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็เข้ามาดูได้ตลอดเวลา ทีนี้มาดูกันว่าเว็บไซต์แบบไหนที่จะตอบโจทย์แบรนด์ของเธอมากที่สุด เพราะเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยให้แบรนด์ของเธอโดดเด่นและเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นเยอะเลยนะ!

เปิดประตูสู่โลกออนไลน์ 

เว็บไซต์ขายของ, เว็บไซต์โชว์แบรนด์ หรือเว็บไซต์จองบริการ?

เวลาจะเริ่มทำแบรนด์ออนไลน์ สิ่งแรกๆ ที่ต้องคิดก็คือ จุดประสงค์หลักของเว็บไซต์เราคืออะไร? เราจะขายของ จะโชว์สินค้าเฉยๆ หรือจะให้ลูกค้ามาจองบริการ? การเข้าใจจุดประสงค์นี้จะช่วยให้เราเลือกประเภทเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเลยล่ะจ้ะ

1. เว็บไซต์ขายของ (E-commerce Website) เปิดร้านออนไลน์ 24 ชั่วโมง

ถ้าแบรนด์ของเธอเน้นการขายสินค้าโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, เครื่องสำอาง, อาหารเสริม, หรือสินค้าแฮนด์เมดต่างๆ เว็บไซต์ขายของ คือคำตอบที่ใช่ที่สุดเลยค่ะ เว็บไซต์ประเภทนี้จะมาพร้อมฟังก์ชันการทำงานที่ครบครันสำหรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น :

  • ระบบตะกร้าสินค้า (Shopping Cart) : ให้ลูกค้าเลือกสินค้าใส่ตะกร้าได้ง่ายๆ เหมือนเดินซูเปอร์มาร์เก็ตเลย
  • ระบบชำระเงินออนไลน์ : รองรับการชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ทั้งบัตรเครดิต, พร้อมเพย์, หรือ Mobile Banking
  • ระบบจัดการสต็อกสินค้า : ช่วยให้เราเช็คสต็อกได้ตลอด ไม่ต้องกลัวของหมดหรือมีของค้างเยอะเกินไป
  • ระบบจัดการออเดอร์ : ติดตามสถานะคำสั่งซื้อได้ตั้งแต่ลูกค้ากดสั่งจนถึงมือลูกค้า
  • หน้าสินค้า (Product Pages) : แสดงรายละเอียดสินค้า รูปภาพ ราคา โปรโมชั่นต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน

ข้อดีของเว็บไซต์ขายของคือเปิดร้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องมีหน้าร้านจริงก็ขายได้ทั่วประเทศ หรือแม้กระทั่งทั่วโลก! แต่ก็ต้องยอมรับว่าการรับทำเว็บไซต์ E-commerce ที่สมบูรณ์แบบนั้นอาจจะต้องใช้เวลาและการลงทุนมากกว่าเว็บไซต์ประเภทอื่นอยู่บ้าง เพราะมีรายละเอียดและฟังก์ชันที่ซับซ้อนกว่านั่นเองจ้ะ

2. เว็บไซต์โชว์แบรนด์/เว็บไซต์บริษัท (Brand/Corporate Website)สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

สำหรับแบรนด์ที่ไม่ได้เน้นการขายสินค้าโดยตรงในเว็บไซต์ แต่อยากสร้างการรับรู้ สร้างความน่าเชื่อถือ และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า หรือบริการอย่างละเอียด เว็บไซต์โชว์แบรนด์ หรือ เว็บไซต์บริษัท คือสิ่งที่เหมาะมากๆ เลยค่ะ เว็บไซต์ประเภทนี้จะเน้นการนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Story), วิสัยทัศน์, พันธกิจ, ผลงานที่ผ่านมา, หรือ Portfolio ต่างๆ เพื่อสร้างความผูกพันและแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย

สิ่งที่ควรมีในเว็บไซต์โชว์แบรนด์ก็เช่น:

  • หน้าเกี่ยวกับเรา (About Us) : เล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ให้ลูกค้าได้รู้จัก
  • หน้าสินค้า/บริการ (Products/Services) : แสดงรายละเอียดสินค้าหรือบริการโดยเน้นข้อมูลและจุดเด่น
  • หน้าผลงาน/Portfolio : สำหรับธุรกิจที่ต้องการโชว์ผลงานที่ผ่านมา เช่น ดีไซเนอร์, ช่างภาพ, สถาปนิก
  • หน้าติดต่อเรา (Contact Us) : ช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล แผนที่
  • บล็อก/บทความ (Blog/Articles) : สร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ เพื่อให้ข้อมูลและสร้างความเชี่ยวชาญในสายงานนั้นๆ

เว็บไซต์โชว์แบรนด์เป็นเหมือนหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดให้โลกภายนอกได้เข้ามาสัมผัสและทำความรู้จักกับแบรนด์ของเราอย่างลึกซึ้ง การมีเว็บไซต์ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและเป็นมืออาชีพจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีขึ้นมาทันทีเลยนะจ๊ะ ถ้าใครกำลังมองหาคนรับทำเว็บไซต์ที่เข้าใจการสร้างแบรนด์ ก็ต้องเลือกดีๆ เลยนะ!

3. เว็บไซต์จองบริการ (Booking Website) อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า

ถ้าแบรนด์ของเธอให้บริการที่ต้องมีการนัดหมายหรือจองล่วงหน้า เช่น ร้านเสริมสวย, ร้านนวด, คลินิก, สตูดิโอสอนโยคะ, ที่พัก, หรือแม้กระทั่งการให้คำปรึกษาต่างๆ เว็บไซต์จองบริการ คือตัวช่วยที่ดีที่สุดเลยค่ะ เว็บไซต์ประเภทนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถดูตารางเวลา เลือกบริการที่ต้องการ และจองคิวได้ด้วยตัวเองผ่านระบบออนไลน์

ฟังก์ชันหลักๆ ของเว็บไซต์จองบริการคือ:

  • ระบบปฏิทินและตารางเวลา : แสดงวันเวลาที่เปิดให้บริการและคิวที่ว่างอยู่
  • ระบบเลือกบริการ : ให้ลูกค้าเลือกบริการที่ต้องการ พร้อมดูราคาและรายละเอียด
  • ระบบจองคิว/นัดหมาย : ลูกค้าสามารถเลือกวันเวลาที่ต้องการจองได้เอง
  • ระบบยืนยันการจอง : ส่งการยืนยันการจองไปให้ลูกค้าทางอีเมลหรือ SMS
  • ระบบจัดการคิวสำหรับผู้ดูแล : ช่วยให้เราจัดการคิวและดูตารางนัดหมายได้ง่ายๆ

เว็บไซต์จองบริการจะช่วยลดภาระในการรับโทรศัพท์หรือตอบแชทเพื่อจองคิวให้กับเราได้มากเลยค่ะ แถมยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าอีกด้วย ทำให้ลูกค้าตัดสินใจจองได้ง่ายขึ้น และเราก็สามารถจัดการคิวได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นอีกด้วยจ้า การหาผู้เชี่ยวชาญรับทำเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ด้านนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะ!

ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ องค์ประกอบสำคัญทำให้แบรนด์ออนไลน์ปัง!

การมีเว็บไซต์ที่ดีเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นนะจ๊ะ แต่การจะทำให้แบรนด์ออนไลน์ของเราปังจริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลย เหมือนเราแต่งหน้าสวยแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน ใครจะเห็นจริงไหมล่ะ?

เนื้อหาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง: คอนเทนต์คือหัวใจของเว็บไซต์

ไม่ว่าเธอจะเลือกเว็บไซต์แบบไหน สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ เนื้อหา (Content) จ้ะ! ลองคิดดูสิว่า ถ้าเว็บไซต์เราสวยแค่ไหน แต่เนื้อหาไม่น่าสนใจ ไม่ให้ข้อมูลที่ลูกค้าอยากรู้ หรือไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เว็บไซต์นั้นก็แทบจะไม่มีประโยชน์เลยใช่ไหมล่ะ?

การสร้างคอนเทนต์ที่ดีไม่ได้หมายถึงแค่เขียนเยอะๆ นะจ๊ะ แต่หมายถึงการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า ตอบคำถามลูกค้า แก้ปัญหาให้ลูกค้า หรือสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นบทความ, รูปภาพ, วิดีโอ, หรือแม้กระทั่งรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆ ทุกอย่างล้วนเป็นคอนเทนต์ที่สำคัญทั้งนั้น

เคล็ดลับคือ:

  • เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย: ลูกค้าเราเป็นใคร? พวกเขาอยากรู้อะไร?
  • สร้างคอนเทนต์ที่หลากหลาย: ไม่ใช่แค่บทความ แต่ลองทำวิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือพอดแคสต์ดูบ้าง
  • อัปเดตสม่ำเสมอ: เว็บไซต์ที่ไม่มีการอัปเดตนานๆ จะดูเหมือนไม่เคลื่อนไหว ลูกค้าก็อาจจะไม่กลับมาอีกนะ
  • เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ: คอนเทนต์น้อยแต่มีคุณภาพดีกว่าคอนเทนต์เยอะแต่ไร้แก่นสาร

การมีคอนเทนต์ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับในการค้นหาบน Google ได้ง่ายขึ้นด้วยนะจ๊ะ (นี่คือส่วนหนึ่งของการทำ SEO เลย!) เพราะ Google ชอบเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และมีคุณภาพสูงนั่นเอง

ความสำคัญของ SEO: ให้เว็บไซต์เราเป็นที่รู้จัก!

หลังจากที่เรามีเว็บไซต์สวยๆ และเนื้อหาดีๆ แล้ว เราจะทำยังไงให้ลูกค้าค้นหาเราเจอได้ง่ายๆ ล่ะ? คำตอบคือ SEO (Search Engine Optimization) จ้ะ! SEO คือกระบวนการที่ทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้นๆ เมื่อลูกค้าค้นหาคำที่เกี่ยวข้องบน Google หรือ Search Engine อื่นๆ พูดง่ายๆ ก็คือ ทำให้เว็บไซต์เราเป็นที่รู้จักนั่นแหละ

การทำ SEO มีหลายอย่างเลยนะจ๊ะ เช่น:

  • การเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสม: คำที่ลูกค้าใช้ค้นหา เช่น "รับทำเว็บไซต์ E-commerce"
  • การสร้างคอนเทนต์คุณภาพ: อย่างที่เราคุยกันไปเมื่อกี้
  • การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์: ทำให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น
  • การสร้าง Backlink: การที่เว็บไซต์อื่นๆ ลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา ยิ่งมีลิงก์จากเว็บไซต์น่าเชื่อถือเยอะๆ ก็ยิ่งดี

การทำ SEO เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอนะคะ ไม่ใช่ทำวันนี้แล้วพรุ่งนี้จะเห็นผลเลย แต่ถ้าทำอย่างถูกวิธี รับรองว่าผลลัพธ์คุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะเมื่อเว็บไซต์เราติดอันดับต้นๆ ลูกค้าก็จะคลิกเข้ามาหาเราได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเงินยิงแอดตลอดเวลาเลยนะ

โซเชียลมีเดีย: เพื่อนซี้ที่ขาดไม่ได้

นอกจากเว็บไซต์แล้ว โซเชียลมีเดีย ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สำคัญมากๆ ในการสร้างแบรนด์ออนไลน์นะจ๊ะ ลองนึกดูสิว่าเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เล่น Facebook, Instagram, TikTok กันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ? การที่เรามีตัวตนบนโซเชียลมีเดียจะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น สร้างการมีส่วนร่วม และเป็นช่องทางในการโปรโมทเว็บไซต์ของเราอีกด้วย

เราสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อ:

  • โปรโมทสินค้าและบริการ: ลงรูปสวยๆ วิดีโอเก๋ๆ พร้อมแคปชั่นปังๆ
  • สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า: ตอบคอมเมนต์ ตอบข้อความ สร้างกิจกรรมร่วมสนุก
  • พาคนเข้าสู่เว็บไซต์: ใส่ลิงก์เว็บไซต์ใน Bio หรือในโพสต์ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าคลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือซื้อสินค้า
  • สร้าง Brand Community: ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์

โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ควรทำงานร่วมกันนะจ๊ะ เหมือนเพื่อนซี้ที่คอยสนับสนุนกันและกัน เพราะถ้าเรามีแต่โซเชียลมีเดียอย่างเดียว เวลามีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของแพลตฟอร์ม เราอาจจะควบคุมอะไรไม่ได้มากนัก แต่ถ้าเรามีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เราก็จะมี "บ้าน" ที่เป็นของเราจริงๆ ที่เราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ทั้งหมดเลยจ้ะ

สรุปแล้ว เว็บไซต์แบบไหนที่ใช่สำหรับเธอ?

ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกเว็บไซต์แบบไหนที่ใช่สำหรับแบรนด์ของเธอ ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายหลัก ของเธอเป็นสำคัญเลยจ้ะ:

  • ถ้าเน้น ขายสินค้าเป็นหลัก ก็ต้องเป็น เว็บไซต์ E-commerce
  • ถ้าเน้น สร้างความน่าเชื่อถือ และ ให้ข้อมูลแบรนด์ ก็เลือก เว็บไซต์โชว์แบรนด์/บริษัท
  • ถ้าเน้น อำนวยความสะดวกในการจองบริการ ก็ต้อง เว็บไซต์จองบริการ

ไม่ว่าเธอจะเลือกแบบไหน ขอให้จำไว้ว่าเว็บไซต์เป็นแค่เครื่องมือนะจ๊ะ สิ่งสำคัญคือ เธอจะใช้เครื่องมือนี้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะฉะนั้นคิดให้ดี วางแผนให้รอบคอบ และเลือกเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์แบรนด์ของเธอมากที่สุดนะจ๊ะ แล้วเราจะเติบโตไปด้วยกันบนโลกออนไลน์อย่างแน่นอน!

BLOG UPDATE
เทคนิคสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมากกว่าความสวยงาม

เราเชื่อว่าเว็บไซต์ไม่ใช่แค่ความสวย แต่ต้องช่วยสื่อสารแบรนด์ และขับเคลื่อนธุรกิจ
บทความในที่นี่รวมแนวคิด UX/UI เทคนิค SEO วิธีเลือก CMS และกลยุทธ์ดูแลเว็บไซต์แบบมืออาชีพ ทั้งเจ้าของเว็บและนักออกแบบจะได้แนวคิดไปต่อยอดได้ทันที