ไอที บีลีฟ ไทยแลนด์ – ผู้พัฒนาเว็บไซต์และระบบ iBZII สำหรับธุรกิจ SME ที่อยากเติบโตออนไลน์แบบมืออาชีพ
แชทผ่านไลน์ 061 994 9464 สมัครงาน

ทำไมคนเข้าเว็บเยอะ แต่ไม่มีใครซื้อ? 5 เหตุผลที่ Conversion คุณยังไม่ขยับ

https://www.ib.co.th/article/757
ทำไมคนเข้าเว็บเยอะ แต่ไม่มีใครซื้อ? 5 เหตุผลที่ Conversion คุณยังไม่ขยับ

วันนี้เราจะมาเจาะลึก 5 เหตุผลหลักที่ทำให้ Conversion ของคุณยังไม่ขยับ และบอกเลยว่าปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนเข้าเว็บอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ "คุณภาพ" และ "ประสบการณ์" ที่ลูกค้าได้รับบนเว็บไซต์ของคุณค่ะ เรามาดูกันทีละข้อเลยดีกว่า

1. เว็บไซต์ของคุณยังไม่ “โดนใจ” ลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น (First Impression Matters!)

ลองจินตนาการว่าคุณเดินเข้าร้านค้าแห่งหนึ่ง แล้วร้านนั้นรก สกปรก จัดวางสินค้ามั่วซั่ว คุณคงไม่อยากเดินดูต่อใช่ไหมคะ? เว็บไซต์ก็เหมือนกันค่ะ! First Impression เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าเว็บไซต์ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่เป็นมืออาชีพ หรือใช้งานยาก ลูกค้าก็พร้อมจะกดปิดทันที

  • ดีไซน์ล้าสมัย หรือไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย: เว็บไซต์ที่ดูเก่า ล้าสมัย หรือมีสีสัน รูปแบบที่ไม่อินกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่อยากอยู่ต่อ การลงทุนกับบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่เชี่ยวชาญด้าน UX/UI จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ
  • ใช้งานยาก (Poor User Experience - UX): ลูกค้าเข้าเว็บมาแล้วหาข้อมูลที่ต้องการไม่เจอ กดปุ่มไม่ถูก หรือขั้นตอนการสั่งซื้อยุ่งยากซับซ้อน ก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะถอดใจไปก่อน การจัดวางเมนูให้ชัดเจน ปุ่มกดที่ใช้งานง่าย และการออกแบบเส้นทางเดินบนเว็บไซต์ที่ลื่นไหล จะช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อได้
  • โหลดช้าเป็นเต่าคลาน: ในยุคที่ทุกคนใจร้อน เว็บไซต์ที่โหลดช้าเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถทำให้ลูกค้าหนีหายไปได้ ลองเช็กความเร็วเว็บไซต์ของคุณดูนะคะ เพราะเรื่องนี้สำคัญกว่าที่คิด

2. ข้อมูลสินค้าหรือบริการยังไม่ “น่าสนใจ” พอ (Content is King, but Clarity is Queen)

ต่อให้เว็บไซต์ของคุณสวยงามแค่ไหน ถ้าเนื้อหาในเว็บไซต์ไม่สามารถตอบข้อสงสัยของลูกค้า หรือไม่สามารถสร้างความอยากได้อยากมีได้ ลูกค้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะซื้อค่ะ

  • รายละเอียดสินค้าไม่ครบถ้วน หรือไม่ชัดเจน: ลูกค้าต้องการข้อมูลที่ครบถ้วนและเข้าใจง่าย รูปภาพสินค้าที่มีคุณภาพสูง รายละเอียดคุณสมบัติการใช้งาน ขนาด สี หรือแม้แต่รีวิวจากผู้ใช้งานจริง ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจ
  • ขาดการบอกเล่าประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ: แทนที่จะบอกแค่ว่าสินค้า "ทำอะไรได้บ้าง" ลองเปลี่ยนเป็นการบอกว่า "ลูกค้าจะได้อะไร" จากสินค้านั้นๆ เช่น แทนที่จะบอกว่า "กล้องรุ่นนี้มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล" ให้เปลี่ยนเป็น "กล้องรุ่นนี้จะช่วยให้คุณเก็บภาพความทรงจำที่คมชัดราวกับตาเห็น ไม่พลาดทุกรายละเอียดสำคัญ"
  • ภาษาที่ใช้ไม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย: การใช้ภาษาที่เข้าใจยาก หรือเป็นทางการมากเกินไป อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่เป็นกันเอง ลองใช้ภาษาที่สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับสินค้าหรือบริการมากขึ้น

3. ขาดความน่าเชื่อถือ...จะให้เชื่อได้ยังไงถ้าไม่แสดงตัวตน? (Trust Issues & Social Proof)

ในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อ

  • ข้อมูลติดต่อไม่ชัดเจน หรือไม่มีเลย: การมีข้อมูลติดต่อที่ชัดเจน เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล แผนที่ร้านค้า (ถ้ามี) หรือแม้แต่ช่องทางการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า การมีหน้า "เกี่ยวกับเรา" ที่บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ก็ช่วยได้มากค่ะ
  • ขาดรีวิวหรือคำรับรองจากลูกค้าจริง: ไม่มีอะไรสร้างความน่าเชื่อถือได้ดีเท่ากับการเห็นรีวิวดีๆ จากลูกค้าคนอื่น ลองกระตุ้นให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วมารีวิวสินค้าหรือบริการของคุณ อาจจะให้ส่วนลดสำหรับการรีวิว หรือจัดกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้พวกเขามีส่วนร่วม
  • ไม่มีสัญลักษณ์ความปลอดภัย (Security Badges): สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ การมีสัญลักษณ์ SSL Certificate ที่แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มาก

4. กระบวนการสั่งซื้อยุ่งยากซับซ้อน (Complicated Checkout Process)

ลูกค้าตัดสินใจจะซื้อแล้ว แต่กลับมาสะดุดตรงขั้นตอนสุดท้าย นี่คือฝันร้ายของเจ้าของธุรกิจออนไลน์เลยค่ะ

  • ขั้นตอนเยอะเกินไป: การที่ลูกค้าต้องกรอกข้อมูลมากมายหลายหน้า หรือต้องสมัครสมาชิกก่อนซื้อ อาจทำให้พวกเขารู้สึกยุ่งยากและเปลี่ยนใจไป การมี Guest Checkout (ซื้อโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก) หรือการลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด จะช่วยเพิ่ม Conversion ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • ตัวเลือกการชำระเงินน้อยเกินไป: ลูกค้าแต่ละคนมีความสะดวกในการชำระเงินที่แตกต่างกัน การมีตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, โอนเงินผ่านธนาคาร, พร้อมเพย์, หรือแม้แต่การเก็บเงินปลายทาง จะช่วยให้ลูกค้าเลือกช่องทางที่สะดวกที่สุด
  • ค่าจัดส่งที่ซ่อนเร้น หรือแพงเกินไป: ลูกค้ามักจะรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นค่าจัดส่งที่โผล่มาในขั้นตอนสุดท้าย และทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างกะทันหัน การระบุค่าจัดส่งให้ชัดเจนตั้งแต่แรก หรือเสนอโปรโมชั่นจัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบตามเงื่อนไข จะช่วยลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าได้

5. ไม่ได้ติดตามผล หรือไม่มีกลยุทธ์การตลาดหลังการขาย (No Follow-Up, No Second Chance)

การได้ลูกค้ามาหนึ่งคนไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว

  • ไม่มีการแจ้งเตือนเมื่อลูกค้าทิ้งตะกร้าสินค้า: ลองส่งอีเมลแจ้งเตือนลูกค้าที่หยิบสินค้าใส่ตะกร้าแล้วแต่ยังไม่ได้ชำระเงิน บางครั้งลูกค้าอาจลืม หรือมีเหตุขัดข้องชั่วคราว การเตือนความจำเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้พวกเขากลับมาซื้อ
  • ขาดการสื่อสารหลังการซื้อ: การส่งอีเมลยืนยันการสั่งซื้อ การแจ้งสถานะการจัดส่ง หรือแม้แต่การสอบถามความพึงพอใจหลังจากที่ลูกค้าได้รับสินค้า จะช่วยสร้างความประทับใจที่ดี และเพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำ
  • ไม่มีการนำเสนอสินค้าที่เกี่ยวข้อง หรือโปรโมชั่นพิเศษ: การใช้ข้อมูลการซื้อของลูกค้ามาวิเคราะห์ เพื่อแนะนำสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจ หรือเสนอโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะลูกค้าเดิม จะช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว การทำงานร่วมกับบริษัทรับทำเว็บไซต์ ที่เข้าใจเรื่อง CRM (Customer Relationship Management) จะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์นี้ได้ดีขึ้น

ถ้าความรักคือ Conversion ทำไมเขาถึงไม่ยอม "กดตกลง" กับเราซักที?

อันนี้อาจจะดูนอกเรื่องไปหน่อยนะคะ แต่มันก็คล้ายกันนะ! ลองคิดดูว่าถ้าความรักคือ Conversion แล้วเราเป็นคนๆ นึงที่พยายามทำให้คนที่ชอบมา "กดตกลง" คบกับเรา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ยอมตกลงซักที มันมีเหตุผลอะไรบ้างนะ?

  • เรายังไม่น่าสนใจพอ (Personal Branding): คุณอาจจะเป็นคนดี มีความสามารถ แต่คุณได้แสดงออกถึงสิ่งเหล่านั้นให้เขาเห็นอย่างเต็มที่หรือยัง? การสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล (Personal Branding) ให้แข็งแกร่ง ก็เหมือนการทำให้เว็บไซต์ของคุณมีเอกลักษณ์และโดดเด่น น่าดึงดูดใจ
  • ยังไม่เข้าใจความต้องการของเขาอย่างแท้จริง: บางทีเราอาจจะพยายามมอบในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด แต่สิ่งนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยก็ได้ การทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (Customer Insights) จะช่วยให้คุณนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงใจได้มากขึ้น
  • ขั้นตอนการเข้าถึงความสัมพันธ์ยุ่งยาก: บางคนอาจจะอยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ แต่กระบวนการมันยุ่งยากซับซ้อนเกินไป (เช่น ต้องผ่านคนกลางเยอะแยะ) ก็เหมือนกับกระบวนการสั่งซื้อที่ซับซ้อนนั่นแหละค่ะ

 

สรุปและคำแนะนำสุดท้าย

ปัญหา "มีคนเข้าเว็บแต่ไม่มีคนซื้อ?" เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ค่ะ หัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจลูกค้าของคุณอย่างลึกซึ้ง และปรับปรุงเว็บไซต์ในทุกๆ จุดเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาจนกระทั่งถึงขั้นตอนการตัดสินใจซื้อ

การวิเคราะห์ข้อมูล (เช่น Google Analytics) เป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ เพราะจะช่วยให้คุณเห็นพฤติกรรมของลูกค้าบนเว็บไซต์ได้ชัดเจนขึ้นว่าพวกเขาใช้เวลากับหน้าไหนนานที่สุด หรือหลุดออกจากเว็บไซต์ไปในขั้นตอนใดบ่อยที่สุด ข้อมูลเหล่านี้จะบอกคุณได้ว่าจุดไหนที่คุณควรจะเริ่มแก้ไขก่อน

อย่าท้อนะคะ! การทำธุรกิจออนไลน์ต้องอาศัยการเรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสมอ ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้ ลองนำ 5 เหตุผลที่เราพูดถึงวันนี้ไปปรับใช้ หรือถ้าคุณรู้สึกว่าการปรับปรุงเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินไป การปรึกษาบริษัทรับทำเว็บไซต์ ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ พวกเขาจะช่วยวิเคราะห์ปัญหาและแนะนำแนวทางแก้ไขที่ตรงจุดได้

BLOG UPDATE
เทคนิคสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมากกว่าความสวยงาม

เราเชื่อว่าเว็บไซต์ไม่ใช่แค่ความสวย แต่ต้องช่วยสื่อสารแบรนด์ และขับเคลื่อนธุรกิจ
บทความในที่นี่รวมแนวคิด UX/UI เทคนิค SEO วิธีเลือก CMS และกลยุทธ์ดูแลเว็บไซต์แบบมืออาชีพ ทั้งเจ้าของเว็บและนักออกแบบจะได้แนวคิดไปต่อยอดได้ทันที