⏺︎ สร้างความน่าเชื่อถือและความประทับใจตั้งแต่แรกเริ่ม
วันนี้มีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง! หลายคนคงเคยมีประสบการณ์คล้ายๆ กันใช่ไหมคะ เวลาที่เราอยากซื้อของหรือใช้บริการอะไรสักอย่าง สิ่งแรกที่เราทำคือการเข้าไปดูข้อมูลใน Google ใช่ไหมล่ะ? แล้วถ้าลองจินตนาการว่าเรากำลังสนใจร้านค้าออนไลน์ร้านหนึ่ง แต่พอค้นหาข้อมูลกลับไม่เจออะไรเลยนอกจากโซเชียลมีเดีย เราจะรู้สึกอย่างไรบ้างคะ? บางคนอาจจะรู้สึกไม่มั่นใจ บางคนอาจจะคิดว่าร้านนี้ไม่จริงจัง แต่ที่แน่ๆ คือโอกาสที่เราจะเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่นนั้นมีสูงมากเลยใช่ไหมล่ะคะ
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าธุรกิจของเราจะเล็กหรือใหญ่ การมีเว็บไซต์ ตั้งแต่เริ่มต้นขายจึงเป็นเหมือนการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจตั้งแต่แรกเริ่มเลยค่ะ เว็บไซต์ไม่ได้เป็นแค่หน้าร้านออนไลน์ แต่ยังเป็นบ้านของแบรนด์เราเอง เป็นพื้นที่ที่เราสามารถจัดแสดงสินค้าและบริการของเราได้อย่างเต็มที่ ควบคุมได้ทุกอย่างตามที่เราต้องการ ตั้งแต่หน้าตาของเว็บไซต์ การจัดวางสินค้า ไปจนถึงเนื้อหาที่เราอยากนำเสนอให้ลูกค้าได้เห็น
ลองนึกภาพตามนะคะ ถ้าเรามีหน้าร้านออนไลน์ที่สวยงาม ดูดี มีข้อมูลครบถ้วน ทั้งประวัติของแบรนด์ รายละเอียดสินค้า วิธีการสั่งซื้อ ช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน แถมยังมีภาพสวยๆ ให้ลูกค้าได้ชมอีก แบบนี้ลูกค้าจะรู้สึกมั่นใจและประทับใจในแบรนด์ของเรามากขึ้นแน่นอนค่ะ
⏺︎ เว็บไซต์คือเครื่องมือสำคัญในการสร้างแบรนด์
บางคนอาจจะคิดว่าการมีแค่โซเชียลมีเดียก็เพียงพอแล้ว แต่รู้ไหมคะว่าการพึ่งพาโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ เพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งเรื่องของอัลกอริทึม ฟีเจอร์ใหม่ๆ หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงลูกค้าของเราโดยตรงเลยก็ได้
ในทางกลับกัน เว็บไซต์ของเราคือสินทรัพย์ของธุรกิจเราเอง ที่เราสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ เราสามารถปรับเปลี่ยนการออกแบบ เพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ หรือสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดต่างๆ ได้อย่างอิสระ ทำให้เราสามารถสร้างแบรนด์ของเราให้มีความเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นไม่ซ้ำใครได้ค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถเล่าเรื่องราวของแบรนด์เราผ่านบล็อก (Blog) ที่เขียนบนเว็บไซต์ของเราได้ เล่าถึงที่มาของสินค้า วัตถุดิบที่ใช้ หรือแม้กระทั่งเบื้องหลังการทำงานต่างๆ เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้า หรือเราอาจจะสร้างหน้าเพจพิเศษเพื่อนำเสนอคอลเล็กชันใหม่ๆ ของสินค้าก็ได้เช่นกันค่ะ การทำแบบนี้จะช่วยให้แบรนด์ของเราดูมีมิติ น่าสนใจ และน่าติดตามมากขึ้นไปอีกค่ะ
⏺︎ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ จากการค้นหา
ทุกวันนี้เวลาที่เราอยากได้คำตอบอะไรสักอย่าง เรามักจะถาม Google เป็นอันดับแรกใช่ไหมคะ และนี่แหละค่ะคือโอกาสทองของธุรกิจของเรา! ถ้าเรามีเว็บไซต์ที่ดี มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา เมื่อลูกค้าค้นหาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราขาย ก็มีโอกาสที่เว็บไซต์ของเราจะปรากฏขึ้นมาในหน้าผลการค้นหา และนั่นหมายถึงว่าเราจะสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการแบบเดียวกับที่เราขายอยู่ได้โดยตรงเลยค่ะ
การทำ SEO (Search Engine Optimization) ก็คือการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้นๆ ในหน้าผลการค้นหาของ Google ซึ่งการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจะช่วยให้เราสามารถทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ เราสามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา หรือแม้กระทั่งสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเราได้
นอกจากนี้ การมีเว็บไซต์ยังช่วยให้เราสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าได้อีกด้วยนะคะ ทำให้เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์และวางแผนการตลาดได้อย่างตรงจุดมากขึ้น เช่น ลูกค้าเข้ามาดูสินค้าอะไรบ่อยที่สุด หน้าไหนที่ลูกค้าใช้เวลานานที่สุด หรือลูกค้าเข้ามาจากช่องทางไหนบ้าง ข้อมูลเหล่านี้มีค่ามากเลยค่ะ
⏺︎ มีพื้นที่แสดงผลงานและรีวิวจากลูกค้า
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นคือการได้เห็นรีวิวหรือผลงานจากลูกค้าท่านอื่นใช่ไหมคะ การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจะช่วยให้เราสามารถสร้างหน้าเพจสำหรับรวบรวมรีวิวจากลูกค้าได้โดยเฉพาะเลยค่ะ เราสามารถใส่รูปภาพ ข้อความ หรือแม้กระทั่งวิดีโอจากลูกค้าเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจและคุณภาพของสินค้าและบริการของเราได้
ลองคิดดูนะคะ ถ้าลูกค้าใหม่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเราแล้วได้เห็นว่ามีลูกค้ารีวิวสินค้าของเราในแง่บวกมากมาย มีภาพผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หรือมีคำแนะนำดีๆ จากลูกค้าคนอื่น แบบนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้พื้นที่บนเว็บไซต์เพื่อโชว์ผลงานของเราได้อีกด้วยค่ะ เช่น ถ้าเราทำธุรกิจออกแบบ เราก็สามารถสร้าง Portfolio เพื่อแสดงผลงานที่ผ่านมาของเราได้ หรือถ้าเราทำธุรกิจอาหาร เราก็สามารถสร้าง Gallery ที่รวมภาพเมนูอาหารสวยๆ ได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพให้กับแบรนด์ของเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
⏺︎ สร้างช่องทางการขายและการบริการลูกค้าที่ครบวงจร
ถ้าพูดถึงการขายออนไลน์ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือระบบการสั่งซื้อและการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัยใช่ไหมคะ การมีเว็บไซต์จะช่วยให้เราสามารถสร้างระบบ E-commerce ที่สมบูรณ์แบบได้เลยค่ะ ตั้งแต่การแสดงสินค้าในรูปแบบแคตตาล็อก การเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า การคำนวณค่าจัดส่ง ไปจนถึงการชำระเงินที่หลากหลายช่องทาง ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าของเราได้อย่างสะดวกและราบรื่น
นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังเป็นช่องทางที่เราสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจรอีกด้วยค่ะ เราสามารถสร้างหน้าเพจคำถามที่พบบ่อย (FAQ) เพื่อตอบข้อสงสัยเบื้องต้นของลูกค้าได้ หรือจะใช้ Chatbot เพื่อตอบคำถามอัตโนมัติ 24 ชั่วโมงก็ได้เช่นกันค่ะ และที่สำคัญคือเราสามารถสร้างหน้า Contact Us เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้โดยตรงผ่านฟอร์มบนเว็บไซต์ได้เลยค่ะ
การมีช่องทางการขายและการบริการลูกค้าที่ครบวงจรบนเว็บไซต์ จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้าและบริการของเรา และยังช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการธุรกิจของเราได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
⏺︎ การตลาดบนโซเชียลมีเดีย: เพื่อนคู่คิดของเว็บไซต์
หลายคนอาจจะคิดว่าการมีเว็บไซต์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำโซเชียลมีเดียแล้ว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยนะคะ! โซเชียลมีเดียยังคงเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังมาก และเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดของเว็บไซต์เลยค่ะ
การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ (Brand Awareness) เป็นสิ่งที่สำคัญมากค่ะ เราสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโพสต์คอนเทนต์ที่น่าสนใจ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือใช้ในการยิงโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่เว็บไซต์ของเราได้อีกด้วยค่ะ
ลองนึกภาพตามนะคะ เราอาจจะโพสต์ภาพสินค้าใหม่บน Instagram และใส่ลิงก์ไปยังหน้าสินค้าบนเว็บไซต์ของเรา หรืออาจจะโพสต์บทความใหม่ๆ ที่เขียนบนเว็บไซต์ของเราไปยัง Facebook เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาอ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ของเรามากขึ้น การทำแบบนี้จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากทั้งสองแพลตฟอร์มได้อย่างเต็มที่ และทำให้การตลาดของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีกค่ะ
⏺︎ การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ: หัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการมีเว็บไซต์จะช่วยให้เราทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การทำ SEO นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะคะ มีหลายปัจจัยที่เราต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ On-Page SEO (การปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างภายในเว็บไซต์) หรือ Off-Page SEO (การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ)
การทำ SEO ที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกต้องค่ะ เราควรวิเคราะห์ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราใช้คีย์เวิร์ดอะไรในการค้นหาข้อมูล และนำคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมาใช้ในการเขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านก็เป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ Google ชอบเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่สดใหม่และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน และที่สำคัญที่สุดคือเว็บไซต์ของเราต้องใช้งานง่ายและแสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือค่ะ
การวิเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์ เข็มทิศนำทางธุรกิจ
การมีเว็บไซต์ไม่ได้เป็นแค่การมีหน้าร้านออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่ามหาศาลเลยค่ะ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Google Analytics จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เราสามารถดูได้ว่าลูกค้าเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราจากช่องทางไหนมากที่สุด หน้าไหนที่ลูกค้าใช้เวลานานที่สุด หรือสินค้าอะไรที่ลูกค้าให้ความสนใจเป็นพิเศษ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างตรงจุดมากขึ้น และยังช่วยให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการมีเว็บไซต์สำหรับธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นขายนั้นมีความสำคัญมากเลยนะคะ เพราะเว็บไซต์ไม่ได้เป็นแค่หน้าร้านออนไลน์ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างแบรนด์ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า และยังเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่ามหาศาลสำหรับธุรกิจอีกด้วยค่ะ
