มีเว็บไซต์เท่ากับมีบ้านของตัวเอง ไม่ต้องกลัวแพลตฟอร์มล่ม
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่อาจจะดูจริงจังนิดหน่อย แต่สำคัญมากสำหรับคนที่กำลังสร้างธุรกิจออนไลน์ทุกคนเลยนะ นั่นก็คือเรื่องของ เว็บไซต์ ค่ะ
หลายคนอาจจะกำลังคิดว่า... ก็ในเมื่อตอนนี้ขายของในเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม หรือ TikTok ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเสียเวลาและเงินมาทำเว็บไซต์ด้วย? ซึ่งเราเข้าใจเลยนะว่ามันสะดวกและง่ายจริง ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่เราฝากธุรกิจไว้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ทั้งหมดก็เหมือนกับการที่เราไปเช่าบ้านคนอื่นอยู่ค่ะ เราไม่มีสิทธิ์เต็มที่ในการปรับปรุงแก้ไขอะไรเลย และที่สำคัญคือเจ้าของบ้านมีสิทธิ์ที่จะไล่เราออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ หรือถ้าวันหนึ่งบ้านหลังนั้นเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ธุรกิจของเราก็จะหายไปพร้อมกับบ้านหลังนั้นเลย
เราอยากให้ทุกคนมองว่า การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองก็เหมือนการสร้างบ้านเป็นของตัวเอง ค่ะ เราสามารถออกแบบบ้านได้ตามใจชอบ อยากจะทาสีอะไร วางเฟอร์นิเจอร์แบบไหนก็ทำได้หมด แถมยังมั่นใจได้ว่าบ้านหลังนี้จะเป็นของเราตลอดไป ไม่ต้องกลัวว่าเจ้าของแพลตฟอร์มจะเปลี่ยนกฎ หรือวันดีคืนดีจะตัดสินใจปิดแพลตฟอร์มลงไป เพราะข้อมูลลูกค้า, เนื้อหาที่เราสร้างสรรค์, หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับลูกค้ายังคงอยู่กับเราอย่างปลอดภัยค่ะ
มีเว็บไซต์ = มีสินทรัพย์ของตัวเอง ไม่ต้องกลัวแพลตฟอร์มล่ม
การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจนั้นมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย, มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การขายของเป็นเรื่องสนุก, และที่สำคัญคือมันฟรี! แต่ก็อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ข้อดีเหล่านี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เราควบคุมไม่ได้
- ความเสี่ยงจากกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลง: แพลตฟอร์มต่าง ๆ มีการอัปเดตกฎเกณฑ์อยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งก็ส่งผลกระทบโดยตรงกับการมองเห็นของเพจเรา เช่นการลด Reach หรือการถูกปิดกั้นการมองเห็นโดยไม่มีเหตุผล
- ความเสี่ยงจากระบบที่ล่ม: แม้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราทุกคนคงเคยเห็นข่าวแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ล่มเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งในช่วงเวลานั้น ธุรกิจของเราก็ต้องหยุดชะงักตามไปด้วย และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หากแพลตฟอร์มนั้นไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อีก ธุรกิจของเราก็อาจจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
แต่สำหรับ เว็บไซต์ของเรา เราคือเจ้าของอาณาจักรนี้เองค่ะ เราสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาได้อย่างอิสระ ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกแบนหรือลดการมองเห็น เราสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนาธุรกิจต่อได้ และที่สำคัญคือมันคือสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่กับเราตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็ตาม
การสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงและเป็นของเราอย่างแท้จริง
สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจคือ ข้อมูลลูกค้า ค่ะ เราเชื่อว่าเพื่อน ๆ ทุกคนคงอยากจะรู้จักลูกค้าของตัวเองให้มากขึ้นใช่ไหมคะ อยากรู้ว่าเขามาจากไหน ชอบอะไร สนใจสินค้าตัวไหนเป็นพิเศษ เพื่อที่เราจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตรงใจเขามากยิ่งขึ้น
ในแพลตฟอร์มโซเชียล เราทำได้เพียงแค่การวิเคราะห์จาก Engagement ต่าง ๆ เช่นยอดไลก์ ยอดคอมเมนต์ แต่เราไม่สามารถเก็บข้อมูลที่สำคัญอย่าง Email หรือเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้ามาเป็นของเราเองได้โดยตรง
แต่สำหรับ เว็บไซต์ เราสามารถสร้างระบบการเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างอิสระค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบบฟอร์มสมัครสมาชิก, การให้ลูกค้ากรอกข้อมูลเพื่อรับส่วนลดพิเศษ, หรือการทำระบบสมาชิกในเว็บไซต์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นของเราโดยสมบูรณ์ และเราสามารถนำไปใช้ในการทำการตลาดแบบ Email Marketing หรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมการมีเว็บไซต์จึงเป็นมากกว่าแค่ช่องทางการขาย
หลายคนอาจจะมองว่าเว็บไซต์ก็คือร้านค้าออนไลน์เอาไว้ขายของ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เว็บไซต์คือศูนย์รวมตัวตนและเรื่องราวของแบรนด์เรา ค่ะ เป็นที่ที่เราสามารถนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลัง, ค่านิยม, และวิสัยทัศน์ของแบรนด์ให้ลูกค้าได้รู้จักอย่างลึกซึ้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว
ลองนึกภาพตามนะคะ สมมติว่าเราสนใจสินค้าตัวหนึ่งจากในแพลตฟอร์มโซเชียล เราอาจจะเข้าไปดูเพจของเขาเพื่ออ่านรีวิว แต่ถ้าเราอยากจะรู้เรื่องราวเบื้องหลังหรือประวัติความเป็นมาของแบรนด์ เราก็คงต้องหาข้อมูลจากแหล่งอื่นอีก แต่ถ้าแบรนด์นั้นมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เราก็สามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ที่นั่นได้เลยค่ะ
เว็บไซต์ที่ดี ไม่ใช่แค่หน้าร้านออนไลน์ แต่เป็นศูนย์รวมเรื่องราวทั้งหมดของแบรนด์เรา ไม่ว่าจะเป็น
- หน้า About Us: ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์
- หน้า Blog: ที่เราสามารถเขียนบทความที่มีประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความรู้และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
- หน้า Portfolio: ที่เราสามารถโชว์ผลงานหรือโปรเจกต์ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของเราและทำให้ลูกค้ามองเห็นคุณค่าที่เราต้องการจะสื่อสารอย่างชัดเจน
เว็บไซต์คือการลงทุนในระยะยาวที่สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า
การทำเว็บไซต์อาจจะต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้น แต่เชื่อเถอะว่ามันคือการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวค่ะ เพราะเมื่อเรามีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เราก็สามารถทำ SEO (Search Engine Optimization) ได้ ซึ่งก็คือการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหาของ Google นั่นเอง
ถ้าเราทำ SEO ได้ดี ลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับของเราก็จะเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาในแพลตฟอร์มโซเชียลเลย ซึ่งนี่คือการสร้างช่องทางการเข้าถึงลูกค้าแบบ Organic ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในระยะยาว
นอกจากนี้ การมีเว็บไซต์ยังช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำธุรกิจของเราง่ายขึ้น เช่น
- Google Analytics: เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์
- Facebook Pixel: เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์และนำไปทำโฆษณาแบบ Retargeting
- ระบบ Email Marketing: เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
การมีเว็บไซต์ไม่ใช่แค่การสร้างร้านค้าออนไลน์ แต่คือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราค่ะ เป็นการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่มั่นคงและเป็นของเราอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยจากความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด
การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่กำลังทำธุรกิจออนไลน์ในยุคนี้เลยค่ะ เพราะในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การที่เรามีบ้านเป็นของตัวเองย่อมดีกว่าการที่เราไปเช่าบ้านคนอื่นอยู่เสมอ
ถ้าวันนี้คุณยังไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ลองเริ่มต้นวางแผนดูนะคะ อาจจะเริ่มจากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น หรือลองใช้แพลตฟอร์มทำเว็บไซต์สำเร็จรูปดูก่อนก็ได้ เพราะทุกการลงทุนเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับธุรกิจของเราคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดค่ะ