ไอที บีลีฟ ไทยแลนด์ – ผู้พัฒนาเว็บไซต์และระบบ iBZII สำหรับธุรกิจ SME ที่อยากเติบโตออนไลน์แบบมืออาชีพ
แชทผ่านไลน์ 061 994 9464 สมัครงาน

PDPA คืออะไร? สรุป PDPA สำหรับเจ้าของธุรกิจ เข้าใจง่ายใน 5 นาที

https://www.ib.co.th/article/1317
PDPA คืออะไร? สรุป PDPA สำหรับเจ้าของธุรกิจ เข้าใจง่ายใน 5 นาที

ในยุคที่ข้อมูลลูกค้าคืออาวุธลับของธุรกิจ การเข้าใจ PDPA ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากลูกค้า

ในยุคที่ “ข้อมูลลูกค้า” คือทรัพย์สินล้ำค่าที่สุดของทุกธุรกิจ — การรู้ว่าใครเป็นใคร ซื้ออะไร ชอบแบบไหน กลายเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าลึกขึ้น สื่อสารตรงใจมากขึ้น และขายของได้แม่นกว่าเดิม
แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็คือ ดาบสองคม ที่ถ้าใช้พลาดแม้แต่นิดเดียว ก็อาจทำให้ธุรกิจเจ็บหนัก ทั้งโดนฟ้อง โดนปรับ หรือที่เลวร้ายที่สุด...
ลูกค้าหมดความเชื่อใจ และไม่อยากกลับมาใช้บริการอีก

นั่นแหละ คือจุดที่กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) เข้ามามีบทบาทสำคัญ

PDPA - สิ่งที่คุ้มครองความเป็น 'มนุษย์'

PDPA หรือ “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” คือกฎหมายที่ตั้งขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิของเจ้าของข้อมูล — หรือพูดง่าย ๆ คือ “เพื่อให้ทุกคนมีสิทธิ์ในข้อมูลของตัวเอง”

ธุรกิจ องค์กร หรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หากมีการ “เก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า” จะต้องได้รับ ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนเสมอ

กฎหมายนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อขัดขวางการทำธุรกิจ แต่เพื่อสร้าง “ขอบเขตของความไว้ใจ” ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
ธุรกิจที่เคารพ PDPA ไม่เพียงแค่ปลอดภัยจากบทลงโทษทางกฎหมาย แต่ยังได้ “ความเชื่อมั่น” ซึ่งมีค่ามากกว่าเงิน

ข้อมูลแบบไหนเข้าข่าย “ข้อมูลส่วนบุคคล”?

ลองคิดง่าย ๆ — ถ้าข้อมูลใดสามารถ “ระบุตัวตนของคนคนหนึ่งได้” ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม ข้อมูลนั้นเข้าข่าย PDPA ทันที

ตัวอย่างข้อมูลที่ถือว่าเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” เช่น

  • ชื่อ–นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล

  • ที่อยู่, หมายเลขบัตรประชาชน, เลขบัญชีธนาคาร

  • รูปภาพ, วิดีโอ, ภาพจากกล้องวงจรปิด

  • พฤติกรรมการซื้อสินค้า, การเข้าเว็บไซต์ หรือการกดไลก์โฆษณาบนโซเชียล

ข้อมูลพวกนี้ แม้ดูเล็กน้อย แต่เมื่อนำมาต่อกัน ก็สามารถบอกเรื่องราวชีวิตของคนคนหนึ่งได้เกือบหมด และนั่นคือเหตุผลที่ PDPA ให้ความสำคัญกับการเก็บและใช้ข้อมูลอย่างระมัดระวัง

พฤติกรรมที่เข้าข่ายการละเมิด PDPA

หลายธุรกิจอาจทำผิดโดยไม่รู้ตัว เช่น

  • เก็บเบอร์ลูกค้าไว้ยิงโฆษณาซ้ำโดยไม่ขออนุญาต

  • ส่ง SMS โปรโมชันโดยไม่ได้รับความยินยอม

  • ใช้รีวิวของลูกค้าในโพสต์โฆษณาโดยไม่ได้แจ้ง

  • แชร์ข้อมูลให้พาร์ตเนอร์ หรือแพลตฟอร์มยิงแอด โดยไม่บอกลูกค้าก่อน

สิ่งเหล่านี้ดูเป็นเรื่องเล็กในมุมมาร์เก็ตติ้ง แต่ในมุมกฎหมาย มันคือ “การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล” เต็มรูปแบบ

 

แล้วธุรกิจควรทำอย่างไรให้ “รอด PDPA” แบบมืออาชีพ?

 

  1. ขอความยินยอมอย่างชัดเจน – ต้องแจ้งลูกค้าให้รู้ก่อนว่าเก็บข้อมูลไปทำอะไร ใช้เพื่ออะไร และจะเก็บไว้นานแค่ไหน

  2. เก็บเท่าที่จำเป็น – อย่าขอข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริการ เช่น ถ้าขายครีมไม่จำเป็นต้องขอเลขบัตรประชาชน

  3. เก็บข้อมูลให้ปลอดภัย – ต้องมีระบบป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล หรือถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

  4. ให้สิทธิ์ลูกค้าในการจัดการข้อมูลของตัวเอง – เช่น ขอเข้าถึง ลบ หรือถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อ

 

ความไว้ใจ...คือทรัพย์สินที่กฎหมายปกป้องไม่ได้

PDPA ไม่ได้เกิดมาเพื่อขัดขวางธุรกิจ แต่เพื่อเตือนให้ทุกแบรนด์ “เห็นคุณค่าของความไว้ใจ” มากกว่าค่าของข้อมูล เพราะข้อมูลสามารถซื้อได้ สะสมได้ แต่ ความเชื่อใจของลูกค้า...ได้มาแค่ครั้งเดียว

ในโลกที่ทุกคลิก คือร่องรอย ทุกแบบฟอร์ม คือ ความลับที่คนยอมเปิดใจให้ธุรกิจ
สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย แต่คือ “การเคารพความเป็นเจ้าของข้อมูลนั้นอย่างแท้จริง”

เมื่อแบรนด์เลือกโปร่งใส ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบต่อข้อมูลที่ถืออยู่
ลูกค้าจะรู้ — และเลือกอยู่กับแบรนด์นั้นไปอีกนาน

เพราะสุดท้ายแล้ว… “ข้อมูล” อาจซื้อความสนใจได้ แต่ “ความไว้ใจ” เท่านั้นที่ซื้อใจคนได้จริง

BLOG UPDATE
เทคนิคสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมากกว่าความสวยงาม

เราเชื่อว่าเว็บไซต์ไม่ใช่แค่ความสวย แต่ต้องช่วยสื่อสารแบรนด์ และขับเคลื่อนธุรกิจ
บทความในที่นี่รวมแนวคิด UX/UI เทคนิค SEO วิธีเลือก CMS และกลยุทธ์ดูแลเว็บไซต์แบบมืออาชีพ ทั้งเจ้าของเว็บและนักออกแบบจะได้แนวคิดไปต่อยอดได้ทันที