ไอที บีลีฟ ไทยแลนด์ – ผู้พัฒนาเว็บไซต์และระบบ iBZII สำหรับธุรกิจ SME ที่อยากเติบโตออนไลน์แบบมืออาชีพ
แชทผ่านไลน์ 061 994 9464 สมัครงาน

แค่มีเว็บยังไม่พอ! ทำยังไงให้เว็บไซต์ของเราเปล่งประกายบน Google?

https://www.ib.co.th/article/694
แค่มีเว็บยังไม่พอ! ทำยังไงให้เว็บไซต์ของเราเปล่งประกายบน Google?

มีเว็บไซต์แล้วแต่ไร้ผู้คน? อย่าปล่อยให้เว็บสวยๆ ของคุณเป็นแค่เกาะร้าง! มาเปลี่ยนเว็บให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าด้วยเทคนิค SEO ที่ทำง่าย ไม่ต้องง้อใคร!

ทำไมเว็บของเราต้องติดหน้าแรก Google?

เพื่อนๆ เคยไหมคะที่เข้า Google แล้วค้นหาอะไรบางอย่าง แล้วกดเข้าไปดูแต่เว็บที่อยู่หน้าแรกๆ? นั่นแหละค่ะ! คนส่วนใหญ่ก็ทำแบบนั้นแหละ! เว็บไซต์ที่ติดอันดับต้นๆ ของ Google จะได้รับความสนใจและโอกาสทางธุรกิจมากกว่าเว็บที่อยู่ไกลออกไปมากๆ เลยล่ะค่ะ

ในยุคดิจิทัลแบบนี้ การมีเว็บไซต์เปรียบเสมือนการมีหน้าร้านค้าออนไลน์ของเราเอง แต่ถ้าไม่มีใครรู้ว่าร้านเราอยู่ตรงไหน หรืออยู่ไกลจนหาไม่เจอ หน้าร้านสวยๆ ของเราก็คงเงียบเหงาใช่ไหมคะ? นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับ SEO (Search Engine Optimization) หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาบน Google นั่นเองค่ะ

การทำ SEO ไม่ใช่แค่เรื่องของนักการตลาดผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ แต่เป็นเรื่องที่คนมีเว็บไซต์ทุกคนควรเรียนรู้และลงมือทำ ยิ่งถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ หรือเพิ่งเริ่มต้น การเข้าใจหลักการพื้นฐานของ SEO จะช่วยให้เราประหยัดงบประมาณและเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของเราเติบโตได้อีกด้วยค่ะ

แล้ว Google รู้ได้ยังไงว่าเว็บไหนควรอยู่หน้าแรก?

ลองจินตนาการว่า Google เป็นเหมือนบรรณารักษ์ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขามีหน้าที่จัดเรียงหนังสือ (เว็บไซต์) นับล้านเล่ม ให้ผู้คนหาเจอหนังสือที่ต้องการได้ง่ายที่สุด

Google จะมี "หุ่นยนต์" ตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า Crawler คอยออกสำรวจและอ่านเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อทำความเข้าใจว่าแต่ละเว็บเกี่ยวกับอะไร มีข้อมูลอะไรบ้าง จากนั้นก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาจัดทำดัชนี (Index) คล้ายๆ กับการทำสารบัญหนังสือเลยล่ะค่ะ

เมื่อมีคนค้นหาอะไรบางอย่าง Google ก็จะนำคำค้นหานั้นไปเปรียบเทียบกับสารบัญที่เขามีอยู่ และเลือกเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด มีคุณภาพดีที่สุด และน่าเชื่อถือที่สุด มาแสดงผลให้เราเห็น โดยเรียงตามความสำคัญจากมากไปน้อยค่ะ

 

5 สัญญาณเตือนว่าเว็บไซต์ของเราอาจ “ไม่เป็นที่รู้จัก”

ก่อนที่เราจะไปลงลึกถึงวิธีการทำ SEO มาลองเช็กกันหน่อยว่าเว็บไซต์ของเรามีสัญญาณเหล่านี้บ้างหรือเปล่า:

  • ไม่มีคนเข้าชมเว็บเลย: เปิด Google Analytics แล้วเห็นตัวเลขผู้เข้าชมเป็นศูนย์ หรือน้อยมากๆ
  • ค้นหาชื่อสินค้า/บริการของเราไม่เจอ: ลองค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราบน Google แล้วไม่เจอเว็บเรา หรือเจอแต่ไปอยู่หน้าหลังๆ
  • ไม่มีใครรู้จักแบรนด์เรา: ลูกค้าไม่รู้จักชื่อธุรกิจของเรา หรือไม่เคยได้ยินชื่อเรามาก่อน
  • ยอดขายไม่กระเตื้อง: แม้จะมีเว็บไซต์แล้ว แต่ยอดขายก็ยังคงที่ หรือลดลง
  • คู่แข่งนำหน้าไปไกล: คู่แข่งของเรามีลูกค้าเยอะแยะ ในขณะที่เราต้องคอยมองดูอยู่ห่างๆ

ถ้ามีสัญญาณเหล่านี้ เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะวันนี้เราจะมาเริ่มต้นเรียนรู้การทำ SEO ไปด้วยกัน เพื่อให้เว็บไซต์ของเราได้เฉิดฉายบน Google!

หัวใจของ SEO 4 สิ่งที่ Google มองหาในเว็บไซต์ของเรา

Google ต้องการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ค้นหา ดังนั้นเขาจึงเลือกแสดงผลเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์จริง ๆ โดยมีหลักการใหญ่ๆ ที่ Google ให้ความสำคัญดังนี้ค่ะ

1. เนื้อหาต้องปัง! (Content is King)

เหมือนกับการทำอาหารเลยค่ะ วัตถุดิบที่ดีที่สุดจะทำให้ได้อาหารที่อร่อยที่สุด เว็บไซต์ก็เหมือนกันค่ะ เนื้อหาที่ดี มีคุณภาพ เป็นประโยชน์ และตรงกับสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหา คือหัวใจสำคัญของการทำ SEO

  • มีประโยชน์และน่าเชื่อถือ: เนื้อหาของเราต้องตอบคำถาม หรือแก้ปัญหาให้ผู้ค้นหาได้จริง เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือมีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
  • ครอบคลุมและลึกซึ้ง: ไม่ใช่แค่เขียนลวกๆ นะคะ แต่ต้องลงรายละเอียด ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน
  • อ่านง่าย สบายตา: แบ่งวรรคตอนให้ดี ใช้รูปภาพประกอบ ใช้หัวข้อและหัวข้อย่อย เพื่อให้อ่านง่ายและไม่น่าเบื่อ
  • มี Keywords ที่ใช่: ใส่คำที่คนมักจะค้นหา (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเราอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ยัดเยียดจนเกินไป
2. เว็บต้องลื่นไหล! (Technical SEO)

นอกจากเนื้อหาแล้ว โครงสร้างและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ลองนึกภาพว่าเรากำลังอ่านหนังสือที่กระดาษขาด รูปเล่มไม่ดี หรือเปิดยากๆ เราก็คงไม่อยากอ่านต่อใช่ไหมคะ เว็บไซต์ก็เช่นกันค่ะ

  • ความเร็วเว็บไซต์ (Page Speed): เว็บไซต์ของเราต้องโหลดเร็วค่ะ! ถ้าช้าเกินไป คนเข้าชมก็อาจจะกดปิดไปซะก่อน Google ก็ไม่ชอบเว็บช้าๆ เหมือนกันนะ
  • เป็นมิตรกับมือถือ (Mobile-Friendly): ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เข้าเว็บไซต์ผ่านมือถือ ดังนั้นเว็บของเราต้องแสดงผลได้ดีบนหน้าจอมือถือด้วย
  • โครงสร้างเว็บชัดเจน (Site Structure): จัดระเบียบหน้าเว็บให้เป็นหมวดหมู่ มีการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ (Internal Links) เพื่อให้ Google Bot และผู้ใช้งานเข้าใจโครงสร้างเว็บได้ง่าย
  • ความปลอดภัยของเว็บไซต์ (Security - HTTPS): สังเกตเว็บไซต์ที่มี “https://” อยู่ด้านหน้า นั่นแสดงว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยค่ะ Google ชอบเว็บที่ปลอดภัยนะ
3. ได้รับความน่าเชื่อถือ! (Authority/Backlinks)

ลองนึกภาพว่าถ้ามีเพื่อนหลายๆ คนคอยบอกว่าร้านอาหารร้านนี้อร่อยมาก เราก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อและไปลองใช่ไหมคะ เว็บไซต์ก็เช่นกันค่ะ เมื่อเว็บไซต์อื่นๆ ที่น่าเชื่อถือ “อ้างอิง” มายังเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรียกว่า Backlinks (ลิงก์จากเว็บอื่นมายังเว็บเรา) Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือไปด้วยค่ะ

  • คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ: ได้รับลิงก์จากเว็บที่มีคุณภาพสูง ดีกว่าได้ลิงก์จากเว็บที่ไม่มีคุณภาพเยอะๆ นะคะ
  • ลิงก์ต้องเกี่ยวข้อง: ลิงก์ที่ได้รับควรมาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเราค่ะ
  • สร้างเนื้อหาที่น่าแชร์: ยิ่งเนื้อหาของเราดี มีประโยชน์มากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งอยากแชร์ อยากอ้างอิงถึงมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
4. ผู้ใช้งานต้องรัก! (User Experience - UX)

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นอย่างมากค่ะ ถ้าผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ของเราแล้วรู้สึกชอบ อยู่ในเว็บนานๆ มีการคลิกไปหน้าอื่นๆ ต่อ Google ก็จะรู้ว่าเว็บของเรามีประโยชน์และตอบโจทย์ผู้ใช้งานค่ะ

  • ออกแบบเว็บให้ใช้ง่าย: เมนูนำทางชัดเจน หาข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย ไม่ซับซ้อน
  • มีการโต้ตอบ: มีปุ่ม Call to Action ชัดเจน เช่น "ติดต่อสอบถาม", "สั่งซื้อ", "อ่านเพิ่มเติม"
  • ไม่มีโฆษณาบังจนน่ารำคาญ: โฆษณาที่มากเกินไป หรือบังเนื้อหา จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่ดีค่ะ

แผนที่สู่หน้าแรก 5 ขั้นตอนเริ่มต้นทำ SEO สำหรับมือใหม่

ไม่ต้องรอช้าแล้วค่ะ! มาเริ่มลงมือทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดหน้าแรก Google กันเลยดีกว่า! ถ้าเพื่อนๆ ต้องการ รับทำเว็บไซต์ ใหม่ หรือปรับปรุงเว็บไซต์เดิม นี่คือสิ่งที่เราควรคำนึงถึงนะคะ

1. หา "คำ" ที่ใช่: วิจัย Keywords

ขั้นตอนนี้สำคัญมาก! เหมือนกับการที่เราจะเปิดร้านอาหาร เราต้องรู้ว่าลูกค้าของเราชอบกินอะไร หรืออยากได้อะไร เราก็ต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราค้นหาอะไรใน Google นั่นแหละค่ะคือ Keywords ของเรา

  • คิดถึงกลุ่มเป้าหมาย: ลูกค้าของเราจะใช้คำอะไรในการค้นหาสินค้าหรือบริการของเรา? เช่น ถ้าเราขายเสื้อผ้าแฟชั่น อาจจะเป็น "เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง", "ชุดเดรสออกงาน", "แฟชั่นเกาหลี"
  • ใช้เครื่องมือช่วย: ลองใช้เครื่องมือฟรีอย่าง Google Keyword Planner (ต้องมีบัญชี Google Ads), Google Search Console หรือ Ahrefs Free Keyword Generator เพื่อหาไอเดีย Keywords ที่คนค้นหาเยอะๆ และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา
  • Keywords หางยาว (Long-Tail Keywords): นอกจากคำสั้นๆ แล้ว ลองมองหา Keywords แบบยาวๆ ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น แทนที่จะใช้แค่ "รองเท้า" อาจจะเป็น "รองเท้าวิ่งผู้หญิง ยี่ห้อ Nike รุ่น Pegasus" คำเหล่านี้แม้คนค้นหาน้อยกว่า แต่มีโอกาสที่คนจะซื้อสูงกว่าค่ะ

2. สร้างสรรค์เนื้อหาคุณภาพ: On-Page SEO

เมื่อได้ Keywords ที่ใช่แล้ว ก็ถึงเวลาสร้างสรรค์เนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราให้โดนใจ Google และผู้ใช้งานค่ะ นี่คือเทคนิค On-Page SEO ที่เราต้องทำ:

  • ใส่ Keywords ใน Title Tag และ Meta Description: สิ่งเหล่านี้คือส่วนที่ปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของ Google เหมือนปกหนังสือและคำโปรยด้านหลัง! ต้องดึงดูดใจและมี Keywords ของเราอยู่ด้วย
  • Title Tag: ไม่ควรยาวเกินไป ประมาณ 50-60 ตัวอักษร
  • Meta Description: อธิบายเนื้อหาในหน้านั้นๆ ให้กระชับ น่าสนใจ ประมาณ 150-160 ตัวอักษร
  • ใช้ Keywords ในหัวข้อ (Headings H1, H2, H3...): หัวข้อหลัก (H1) ควรมี Keywords สำคัญ และหัวข้อรอง (H2, H3) ก็ควรมี Keywords ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ Google เข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาของเราได้ง่าย
  • กระจาย Keywords อย่างเป็นธรรมชาติในเนื้อหา: ไม่ใช่แค่ยัดๆ คำลงไปนะคะ แต่ให้ใช้ Keywords ในเนื้อหาของเราอย่างเป็นธรรมชาติ อ่านแล้วลื่นไหล ไม่รู้สึกแปลกๆ
  • ใส่รูปภาพและ Optimize รูปภาพ: รูปภาพช่วยให้เนื้อหาน่าสนใจขึ้น อย่าลืมใส่ Alt Text (ข้อความอธิบายรูปภาพ) ที่มี Keywords เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจรูปภาพและคนตาบอดก็เข้าถึงข้อมูลได้
  • ทำ Internal Linking: เชื่อมโยงหน้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์ของเราเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ Google Bot คลานได้ทั่วถึง และผู้ใช้งานก็หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น

3. สร้าง Backlinks คุณภาพ: Off-Page SEO

การสร้าง Backlinks คือการทำให้เว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีคุณภาพลิงก์มายังเว็บไซต์ของเราค่ะ เป็นเหมือนการโหวตความน่าเชื่อถือจากเว็บอื่น ๆ นั่นเอง

  • สร้างเนื้อหาที่น่าแชร์: เนื้อหาที่เราสร้างขึ้นต้องมีคุณค่ามากพอที่คนอื่นจะอยากแชร์ หรืออ้างอิงถึง
  • ติดต่อ Influencers/Bloggers: ลองติดต่อบล็อกเกอร์ หรือผู้มีอิทธิพลในวงการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา เพื่อขอให้เขาเขียนรีวิว หรือกล่าวถึงเว็บไซต์ของเรา
  • ร่วมกิจกรรมออนไลน์: เข้าร่วมฟอรั่ม หรือกลุ่มใน Social Media ที่เกี่ยวข้อง และอาจจะมีการโพสต์ลิงก์เว็บไซต์ของเรา (อย่างระมัดระวัง ไม่ใช่สแปมนะคะ)
  • โปรโมทผ่าน Social Media: แชร์เนื้อหาของเราไปบน Social Media ต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนเห็นและนำไปแชร์ต่อ

4. ติดตามผลลัพธ์: วิเคราะห์และปรับปรุง

การทำ SEO ไม่ใช่ทำครั้งเดียวจบนะคะ! เราต้องคอยติดตามผลลัพธ์และปรับปรุงอยู่เสมอค่ะ

  • Google Search Console: เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้เราตรวจสอบว่า Google มองเห็นเว็บไซต์ของเราอย่างไร มีปัญหาอะไรบ้าง Keywords ไหนที่เราติดอันดับ และมีคนคลิกเข้ามาเท่าไหร่
  • Google Analytics: ช่วยให้เราเห็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น มาจากช่องทางไหน อยู่ในเว็บนานแค่ไหน ดูหน้าไหนบ้าง
  • วิเคราะห์คู่แข่ง: ลองดูว่าคู่แข่งของเราทำอะไรบ้าง เขามี Keywords อะไร เว็บเขาเป็นยังไง เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์ของเรา

5. อดทนและสม่ำเสมอ: กุญแจสู่ความสำเร็จ

การทำ SEO ไม่ได้เห็นผลลัพธ์ในชั่วข้ามคืนนะคะ! ต้องใช้เวลาและความอดทน Google ต้องใช้เวลาในการเข้ามาสำรวจ จัดทำดัชนี และประเมินเว็บไซต์ของเราค่ะ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำอย่างสม่ำเสมอ และสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องกังวล ถ้าเราทำตามหลักการที่ถูกต้อง เว็บไซต์ของเราก็จะค่อยๆ ไต่ขึ้นไปบนหน้าแรกของ Google ได้แน่นอนค่ะ

เห็นไหมคะเพื่อนๆ ว่าการมีเว็บไซต์สวยๆ อย่างเดียวอาจยังไม่พอ แต่เราต้องทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักและหาเจอได้บน Google ด้วยการทำ SEO นั่นเองค่ะ

จำไว้ว่าหัวใจของ SEO คือ เนื้อหาคุณภาพ โครงสร้างเว็บดี เว็บไซต์น่าเชื่อถือ และประสบการณ์ผู้ใช้งานยอดเยี่ยม ถ้าเราทำตามขั้นตอนที่เราคุยกันวันนี้อย่างสม่ำเสมอ รับรองได้เลยว่าเว็บไซต์ของเราจะค่อยๆ ไต่ขึ้นไปบนหน้าแรกของ Google ได้อย่างแน่นอนค่ะ

ไม่ต้องท้อนะคะ! ค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอน วันหนึ่งเว็บไซต์ของเราก็จะเปล่งประกายบนโลกออนไลน์ได้แน่นอนค่ะ และถ้าคุณต้องการใครสักคนที่จะมา รับทำเว็บไซต์ หรือช่วยดูแลเรื่อง SEO ก็ลองหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูได้เลยนะ! เพราะบางครั้งการมีตัวช่วยก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ!

BLOG UPDATE
เทคนิคสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมากกว่าความสวยงาม

เราเชื่อว่าเว็บไซต์ไม่ใช่แค่ความสวย แต่ต้องช่วยสื่อสารแบรนด์ และขับเคลื่อนธุรกิจ
บทความในที่นี่รวมแนวคิด UX/UI เทคนิค SEO วิธีเลือก CMS และกลยุทธ์ดูแลเว็บไซต์แบบมืออาชีพ ทั้งเจ้าของเว็บและนักออกแบบจะได้แนวคิดไปต่อยอดได้ทันที